มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค
ให้คำปรึกษาผ่านโทรศัพท์ 02 248 3737
ให้คำปรึกษาผ่านโทรศัพท์
Consumer Thai Facebook page

< กลับหน้าแรก

นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy)

01 หลักการและเหตุผล

เพื่อยืนยันการให้ความสำคัญกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และสร้างความมั่นใจว่า การจัดเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ร้องเรียน สมาชิก หรือบุคคลใดๆ ที่ได้รับหรืออยู่ในความควบคุมดูแลของมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค (“มูลนิธิฯ”) จะได้รับการคุ้มครองตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 กำหนด มูลนิธิฯ จึงประกาศนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ เพื่อทำให้เกิดความมั่นใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลจะได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย

02 สถานภาพขององค์กรที่จัดเก็บข้อมูล

มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เป็นองค์กรสาธารณประโยชน์ด้านการคุ้มครองผู้บริโภค มีวัตถุประสงค์ส่งเสริมให้ผู้บริโภคได้รับการคุ้มครองตามสิทธิอันพึงมีพึงได้ สนับสนุนและส่งเสริมให้ผู้บริโภคและองค์กรผู้บริโภคต่างๆ ได้มีส่วนในการคุ้มครองผู้บริโภค

03 การเก็บรวมรวมข้อมูลส่วนบุคคล

ช่องทางการเก็บรวบรวม

มูลนิธิฯ จะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับโดยตรงจากท่านผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น อีเมล เว็บไซต์ สื่อสังคมออนไลน์ (เช่น Facebook, Instagram, Twitter, YouTube หรือ LINE) ของมูลนิธิฯ แบบฟอร์มรับเรื่องร้องเรียน ใบสมัครสมาชิก โทรศัพท์ ไปรษณีย์ ตามงานอบรม อีเว้นท์ สัมมนา หรือประชุม และอาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากแหล่งอื่น เช่น องค์กรหรือเครือข่ายการคุ้มครองผู้บริโภค โปรแกรมช่วยค้นหาข้อมูล (search engine) สื่อสังคมออนไลน์ หน่วยงานราชการ บุคคลภายนอกอื่นๆ

ประเภทข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวม

  • ข้อมูลส่วนบุคคล เช่น คำนำหน้า ชื่อ นามสกุล ชื่อเล่น เพศ อายุ สัญชาติ ลายมือชื่อ
  • ข้อมูลการติดต่อ เช่น ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล ชื่อบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ (เช่น LINE ID หรือ Facebook) บันทึกการโต้ตอบและการสื่อสาร
  • ข้อมูลหรือสำเนาเอกสาร เช่น บัตรประจำตัวประชาชน ทะเบียนบ้าน เอกสารการเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล ทะเบียนรถยนต์ ใบอนุญาตขับขี่
  • ข้อมูลประกอบการร้องเรียน เช่น ข้อมูลรายละเอียดเรื่องปรึกษาหรือร้องเรียน ข้อมูลการความต้องการให้ช่วยเหลือ วัตถุประสงค์การร้องเรียน
  • ข้อมูลบัญชี เช่น บัญชีผู้ใช้งาน ประวัติการใช้งาน
  • ข้อมูลทางเทคนิค เช่น IP address, Cookie ID, ประวัติการใช้งานเว็บไซต์ (Activity Log)
  • ข้อมูลอื่น ๆ เช่น รูปภาพ ภาพเคลื่อนไหว ข้อมูลจากการจัดทำแบบสำรวจ (Survey) และข้อมูลอื่นใดที่ถือว่าเป็นข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
  • ข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อน: ข้อมูลละเอียดอ่อนที่ปรากฏบนเอกสารประจำตัว เช่น ศาสนา ความพิการ

ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่สาม

หากท่านให้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่สามแก่มูลนิธิฯ (เช่น กรรมการ ผู้รับมอบอำนาจ ผู้มีอำนาจลงนามแทนบริษัท บิดา มารดา คู่สมรส บุตร หรือกรณีร้องเรียนแทนผู้เสียหาย) ท่านจะต้องขอความยินยอมและแจ้งรายละเอียดตามนโยบายฯ ฉบับนี้ให้แก่บุคคลที่สามดังกล่าวทราบถึงการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือ การโอนไปยังต่างประเทศซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลด้วย

ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยาว์ คนเสมือนไร้ความสามารถ และคนไร้ความสามารถ

หากผู้ให้ข้อมูลส่วนบุคคลมีอายุต่ำกว่า 20 ปี หรือมีข้อจำกัดความสามารถตามกฎหมาย มูลนิธิฯ อาจเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน อาจจำเป็นต้องได้รับความยินยอมจากผู้ใช้อำนาจปกครอง ในกรณีที่ต้องได้รับความยินยอมและผู้เยาว์ไม่สามารถให้ความยินยอมด้วยตนเองตามกฎหมายได้ ผู้พิทักษ์ หรือผู้อนุบาลก่อน แล้วแต่กรณี หรือที่กฎหมายอนุญาตให้ทำได้

หากมูลนิธิฯ ทราบว่ามีการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากผู้เยาว์ คนเสมือนไร้ความสามารถ หรือคนไร้ความสามารถ โดยที่ไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ใช้อำนาจปกครอง ผู้พิทักษ์ หรือผู้อนุบาล แล้วแต่กรณี มูลนิธิฯ จะดำเนินการลบข้อมูลส่วนบุคคลนั้นโดยเร็วเท่าที่จะปฏิบัติได้

04 วัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล

มูลนิธิฯ จะเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเท่าที่จำเป็น หรือมีกฎหมายกำหนดให้ต้องดำเนินการเท่านั้น ภายใต้วัตถุประสงค์ ต่อไปนี้

  • เพื่อสร้างและจัดการบัญชีผู้ใช้งาน
  • เพื่อปรับปรุง บริการ หรือประสบการณ์การใช้งาน
  • เพื่อการบริหารจัดการขององค์กร
  • เพื่อปฏิบัติตามข้อตกลงและเงื่อนไข (Terms and Conditions)
  • เพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตาม หรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นเพื่อต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
  • เพื่อการติดต่อประสานงาน การรับเรื่องร้องเรียนผ่านช่องทางการสื่อสารต่างๆ
  • เพื่อการจัดทำฐานข้อมูลข้อร้องเรียนของผู้บริโภค รายงาน สถิติ วิจัย การวิเคราะห์ข้อมูล รวบรวมข้อเสนอแนะ
  • เพื่อการสื่อสารสาธารณะ
  • เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบของหน่วยงานราชการ

ทั้งนี้ เว้นเฉพาะกรณีที่มูลนิธิฯ ระบุไว้ว่าการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลจะอาศัยความยินยอมจากท่าน

05 ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล

มูลนิธิฯ จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ตามระยะเวลาที่จำเป็นในระหว่างที่ท่านเป็นผู้ใช้งานระบบหรือมีความสัมพันธ์อยู่กับมูลนิธิฯ หรือตลอดระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องกับนโยบายฉบับนี้ ซึ่งอาจจำเป็นต้องเก็บรักษาไว้ต่อไปภายหลังจากนั้น หากมีกฎหมายกำหนดไว้ มูลนิธิฯ จะลบ ทำลาย หรือทำให้เป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนของท่านได้ เมื่อหมดความจำเป็นหรือสิ้นสุดระยะเวลาดังกล่าว

06 การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

มูลนิธิฯ อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่ผู้อื่นภายใต้ความยินยอมของท่านหรือที่กฎหมายอนุญาตให้เปิดเผยได้ ดังต่อไปนี้

  • การบริหารจัดการภายในองค์กร : มูลนิธิฯ อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านภายในองค์กรเท่าที่จำเป็นเพื่อปรับปรุงและพัฒนาบริการของมูลนิธิฯ
  • องค์กรหรือหน่วยงานเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค : มูลนิธิฯ อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านกับองค์กรหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อการดำเนินกการแก้ไขปัญหา ให้คำปรึกษา ในการทำงานคุ้มครองผู้บริโภค
  • การสื่อสารสาธารณะ : มูลนิธิฯ อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลในส่วนลักษณะปัญหา ข้อเท็จจริงของลักษณะปัญหา เพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค เพียงเท่าที่จำเป็นเพื่อเป็นกรณีศึกษาแก่ผู้บริโภครายอื่น เว้นเฉพาะ บางกรณีที่ต้องเผยแพร่ข้อมูลส่วนที่ละเอียดอ่อน เช่น ชื่อ นามสกุล จะเปิดเผยก็ต่อเมื่อได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน หรือต่อเมื่อกฎหมายอนุญาตให้กระทำได้
  • ผู้สนับสนุนทุน : มูลนิธิฯ อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านบางอย่างให้กับผู้สนับสนุนทุนดำเนินงานของมูลนิธิฯ เท่าที่จำเป็นเพื่อปฏิบัติตามเงื่อนไขการรับทุน
  • การบังคับใช้กฎหมาย : ในกรณีที่มีกฎหมายหรือหน่วยงานราชการร้องขอ มูลนิธิฯ จะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเท่าที่จำเป็นให้แก่หน่วยงานราชการ เช่น ศาล หน่วยงานราชการ เป็นต้น

07 การโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปต่างประเทศ

มูลนิธิฯ อาจเปิดเผยหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยัง บุคคล องค์กร หรือเซิร์ฟเวอร์ (Server) ที่ตั้งอยู่ในต่างประเทศ โดยมูลนิธิฯ จะดำเนินการตามมาตรการต่าง ๆ เพื่อให้มั่นใจว่าการโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังประเทศปลายทางนั้นมีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเพียงพอ หรือกรณีอื่น ๆ ตามที่กฎหมายกำหนด

08 การโฆษณาและการตลาด

เพื่อประโยชน์ในการได้รับสินค้าหรือบริการของมูลนิธิฯ มูลนิธิฯ อาจส่งข้อมูลหรือจดหมายข่าวไปยังอีเมลของท่าน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสนอสิ่งที่น่าสนใจกับท่าน หากท่านไม่ต้องการรับการติดต่อสื่อสารจากมูลนิธิฯ ผ่านทางอีเมลอีกต่อไป ท่านสามารถติดต่อมายังอีเมลของมูลนิธิฯ ได้

09 นโยบายการใช้เทคโนโลยีติดตามตัวบุคคล หรือคุกกี้ (Cookies)

มูลนิธิฯ มีการใช้เทคโนโลยีติดตามตัวบุคคล หรือคุกกี้ (Cookies) ถ้าท่านอนุญาตให้ใช้งานการติดตามตัวบุคคล หรือคุกกี้ (Cookies) หรือเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกัน จะทำให้การใช้งานเว็บไซต์ของท่านสะดวกขึ้น เนื่องจากการติดตามตัวบุคคล หรือคุกกี้ (Cookies) จะเก็บข้อมูลเกี่ยวกับเว็บไซต์ที่ท่านเคยเยี่ยมชมหรือเข้าถึง หากท่านไม่ต้องการให้มีเทคโนโลยีติดตามตัวบุคคล หรือคุกกี้ (Cookies) ไว้ในคอมพิวเตอร์ของท่าน ท่านสามารถตั้งค่าบราวเซอร์เพื่อปฏิเสธคุกกี้ก่อนที่จะใช้เว็บไซต์ของมูลนิธิฯ ได้

ทั้งนี้ เว็บไซต์จะใช้ข้อมูลคุกกี้ที่ได้รวบรวมไว้เพื่อการวิเคราะห์เชิงสถิติ และ/หรือ เพื่อกิจกรรมอื่นของมูลนิธิฯ เพื่อปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการของมูลนิธิฯ ให้ดียิ่งขึ้น

10 มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล

(1) การรักษาความมั่งคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล

มูลนิธิฯ จะรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ตามหลักการ การรักษาความลับ (confidentiality) ความถูกต้องครบถ้วน (integrity) และสภาพพร้อมใช้งาน (availability) ทั้งนี้ เพื่อป้องกันการสูญหาย เข้าถึง ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเปิดเผย นอกจากนี้มูลนิธิฯ จะจัดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งครอบคลุมถึงมาตรการป้องกันด้านการบริหารจัดการ (administrative safeguard) มาตรการป้องกันด้านเทคนิค (technical safeguard) และมาตรการป้องกันทางกายภาพ (physical safeguard) ในเรื่องการเข้าถึงหรือควบคุมการใช้งานข้อมูลส่วนบุคคล (access control)

(2) การแจ้งเหตุละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล

ในกรณีที่มีเหตุละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเกิดขึ้น มูลนิธิฯ จะแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลทราบโดยไม่ชักช้าภายใน 72 ชั่วโมง นับแต่ทราบเหตุเท่าที่สามารถกระทำได้ ในกรณีที่การละเมิดมีความเสี่ยงสูงที่จะมีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของท่าน มูลนิธิฯ จะแจ้งการละเมิดให้ท่านทราบพร้อมกับแนวทางการเยียวยาโดยไม่ชักช้าผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น เว็บไซต์ ข้อความ (SMS) อีเมล โทรศัพท์ จดหมาย เป็นต้น

11 การแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

มูลนิธิฯ อาจแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบายนี้เป็นครั้งคราว โดยท่านสามารถทราบข้อกำหนดและเงื่อนไขนโยบายที่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงนี้ได้ผ่านทางเว็บไซต์ของมูลนิธิฯ

นโยบายนี้แก้ไขล่าสุดและมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2565

12 นโยบายความเป็นส่วนตัวของเว็บไซต์อื่น

นโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ใช้สำหรับการเสนอบริการ และการใช้งานบนเว็บไซต์สำหรับผู้ใช้ของมูลนิธิฯ เท่านั้น หากท่านเข้าชมเว็บไซต์อื่นแม้จะผ่านช่องทางเว็บไซต์ของมูลนิธิฯ การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลต่าง ๆ จะเป็นไปตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเว็บไซต์นั้น ซึ่งมูลนิธิฯ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย

13 ผลที่อาจจะเกิดขึ้น หากไม่ให้ข้อมูลทั้งหมดหรือบางส่วน

การที่ท่านไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลกับมูลนิธิฯ อาจส่งผลกระทบต่อท่านคือ มูลนิธิฯ อาจไม่สามารถดำเนินการตามที่ท่านร้องขอได้ โดยมูลนิธิฯ อาจไม่สามารถให้ความช่วยเหลือ ให้คำแนะนำ หรือเสนอหรือจัดหาผลิตภัณฑ์ หรือบริการของมูลนิธิฯ ให้ท่านได้ตามความต้องการ อาจทำให้ท่านไม่ได้รับความสะดวก

14 สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

ภายใต้กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดให้ท่านมีสิทธิ ดังต่อไปนี้

  1. สิทธิขอถอนความยินยอม (right to withdraw consent) หากท่านได้ให้ความยินยอม มูลนิธิฯ จะเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ไม่ว่าจะเป็นความยินยอมที่ท่านให้ไว้ก่อนวันที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลใช้บังคับหรือหลังจากนั้น ท่านมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ตลอดเวลา ทั้งนี้ การถอนความยินยอมจะไม่ส่งผลกระทบต่อการเก็บรวมรวม การนำไปใช้ หรือการเผยแพร่ข้อมูลที่ท่านได้ให้ความยินยอมไปแล้ว
  2. สิทธิขอเข้าถึงข้อมูล (right to access) ท่านมีสิทธิขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่อยู่ในความรับผิดชอบของมูลนิธิฯ และขอให้มูลนิธิฯ ทำสำเนาข้อมูลดังกล่าวให้แก่ท่าน รวมถึงขอให้มูลนิธิฯ เปิดเผยว่ามูลนิธิฯ ได้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมาได้อย่างไร
  3. สิทธิขอถ่ายโอนข้อมูล (right to data portability) ท่านมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีที่มูลนิธิฯ ได้จัดทำข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในรูปแบบให้สามารถอ่านหรือใช้งานได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติ และสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ รวมทั้งมีสิทธิขอให้มูลนิธิฯ ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นเมื่อสามารถทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ และมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่มูลนิธิฯ ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นโดยตรง เว้นแต่ไม่สามารถดำเนินการได้เพราะเหตุทางเทคนิค
  4. สิทธิขอคัดค้าน (right to object) ท่านมีสิทธิขอคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในเวลาใดก็ได้ หากการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ทำขึ้นเพื่อการดำเนินงานที่จำเป็นภายใต้ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของมูลนิธิฯ หรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น โดยไม่เกินขอบเขตที่ท่านสามารถคาดหมายได้อย่างสมเหตุสมผลหรือเพื่อดำเนินการตามภารกิจเพื่อสาธารณประโยชน์
  5. สิทธิขอให้ลบหรือทำลายข้อมูล (right to erasure/destruction) ท่านมีสิทธิขอลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านหรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวท่านได้ หากท่านเชื่อว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายที่เกี่ยวข้องหรือเห็นว่ามูลนิธิฯ หมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องในนโยบายฉบับนี้ หรือเมื่อท่านได้ใช้สิทธิขอถอนความยินยอมหรือใช้สิทธิขอคัดค้านตามที่แจ้งไว้ข้างต้นแล้ว
  6. สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูล (right to restriction of processing) ท่านมีสิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลชั่วคราวในกรณีที่มูลนิธิฯ อยู่ระหว่างตรวจสอบตามคำร้องขอใช้สิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลหรือขอคัดค้านของท่านหรือกรณีอื่นใดที่มูลนิธิฯ หมดความจำเป็นและต้องลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องแต่ท่านขอให้มูลนิธิฯ ระงับการใช้แทน
  7. สิทธิขอให้แก้ไขข้อมูล (right to rectification) ท่านมีสิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
  8. สิทธิร้องเรียน (right to lodge a complaint) ท่านมีสิทธิร้องเรียนต่อผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากท่านเชื่อว่าการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เป็นการกระทำในลักษณะที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

ท่านสามารถใช้สิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลข้างต้นได้ โดยติดต่อมาที่เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของมูลนิธิฯ ตามรายละเอียดท้ายนโยบายนี้ มูลนิธิฯ จะแจ้งผลการดำเนินการภายในระยะเวลา 30 วัน นับแต่วันที่มูลนิธิฯ ได้รับคำขอใช้สิทธิจากท่าน ตามแบบฟอร์มหรือวิธีการที่มูลนิธิฯ กำหนด ทั้งนี้ หากมูลนิธิฯ ปฏิเสธคำขอมูลนิธิฯ จะแจ้งเหตุผลของการปฏิเสธให้ท่านทราบผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น ข้อความ (SMS) อีเมล โทรศัพท์ จดหมาย

15 ช่องทางการติดต่อสอบถาม

การติดต่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล ที่มูลนิธิฯ เก็บรวมรวมไว้ หรือขอใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล สามารถติดต่อสอบถามได้ที่

ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล

มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค
4/2 ซอยวัฒนโยธิน แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร 10400
โทรศัพท์ 02-248-3734 ถึง 7
เว็บไซต์ https://ffcthailand.org/

เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

4/2 ซอยวัฒนโยธิน แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร 10400
โทรศัพท์ 02-248-3734 ถึง 7
อีเมล complaint@consumerthai.org

ปรึกษา ร้องเรียน
สอบถามเพิ่มเติม