มพบ.เร่งตร.ทำคดีตุ๊กตุ๊กถูกฉ้อโกง
เขียนโดย: มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค
เขียนเมื่อ: 22-12-2022 16:52
หมวดหมู่: การเงิน การธนาคาร

มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค พากลุ่มผู้ซื้อตุ๊กตุ๊กเอื้ออาทร, รถเมล์กว่า 337 ราย ตามเรื่องคดีฉ้อโกง ด้านตำรวจ ประกาศเร่งหน้าทำคดี แบงก์ออมสิน และ สหกรณ์บริหารจักรเพชร เข้าข่ายฉ้อโกงประชาชน ยืนยัน พยาน- หลักฐานทุกอย่างอยู่ในสำนวน ไม่มองข้ามทุกประเด็นสำคัญ
มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค นำโดย นางนฤมล เมฆบริสุทธิ์ รองผู้อำนวยการ ฯ ฝ่ายพิทักษ์สิทธิผู้บริโภค และทีมทนายความ พาตัวแทนผู้เสียหาย กลุ่มผู้ซื้อ ตุ๊กตุ๊กเอื้ออาทร และ รถเมล์ รวมกว่า 337 รายเข้ายื่นหนังสือต่อ พลตำรวจโท จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตํารวจสอบสวนกลาง วานนี้ ( 21 ธ.ค.65 ) เพื่อขอให้ช่วยเร่งรัดพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบคดีให้ดำเนินการตามคำร้องทุกข์กล่าวโทษ และขอร้องทุกข์กล่าวโทษเพิ่มเติม ต่อพนักงานสอบสวน ให้ทำการสอบสวน และดำเนินคดีกับ นายณรงค์ ปล้องอ้วน ประธานกรรมการของสหกรณ์ฯ และกรรมการของสหกรณ์บริการจักรเพชร จำกัด ทุกคน และผู้จัดการของสหกรณ์ฯ ผู้จัดการธนาคารออมสิน สาขาเยาวราช และผู้จัดการธนาคารออมสิน สาขาสยามพารากอน ในขณะเกิดเหตุ ในฐานความผิดร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ความผิดฐานลวงขาย และความผิดฐานไม่ส่งมอบสำเนาหรือคู่ฉบับสัญญากู้ยืมเงิน จนถึงที่สุดและหากสอบสวนพบว่า มีการกระทำความผิดอื่นใดอีกหรือพาดพิงไปถึงบุคคลใดก็ถือว่าคำร้องทุกข์กล่าวโทษนี้เป็นการร้องทุกข์ในความผิดฐานนั้นและบุคคลนั้นด้วย จนกว่าคดีจะถึงที่สุด
พันตำรวจเอก ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ รองผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี (“บก.ปอศ.") เป็นหัวหน้าคณะทำงานเรื่องนี้ ได้เป็นตัวแทนมารับหนังสือ โดยให้การยืนยันว่า คำร้องอยู่ในสำนวนทั้งหมดนับตั้งแต่รับเรื่องจากมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เมื่อปี2562 จนถึง2565ไม่ได้เพิกเฉยต่อการสอบปากคำพยานทั้งฝ่ายผู้ร้อง และ ผู้ถูกร้องรวมถึง พยานคนกลางจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขอยืนยันไม่มองข้ามพยาน-หลักฐาน ที่มีทั้งหมด ทุกอย่างบรรจุอยู่ในสำนวน โดยคณะทำงานพนักงานสอบสวน ที่ตั้งขึ้นมาทำคดีได้ดำเนินการหาข้อเท็จจริง โดยประชุมกันทุก 3 เดือน เพื่อตกผลึกในประเด็นสำคัญ ขอยืนยัน พนักงานสอบสวนไม่ได้ยื้อคดี แต่เพราะมีกรอบเวลาในการดำเนินงานไม่ใช่แค่สอบปากคำและสั่งฟ้อง แต่ต้องได้พยานหลักฐานที่สามารถยืนยันความผิดของผู้ถูกร้อง และ พยานหลักฐานที่ถูกต้องของผู้เสียหาย ขอยืนยันข้อเท็จจริงทุกอย่าง ปรากฎอยู่ในสำนวนหมดแล้ว พร้อมเร่งเดินหน้าทำคดีเพื่อให้ปรากฎข้อเท็จจริง
สำหรับ คดีนี้ มีกลโกงที่สุดแสนซับซ้อนซ่อนเงื่อน เพราะน่าจะเป็นการร่วมมือกัน ระหว่าง แบงก์รัฐ กับ เอกชน ที่ก่อเหตุ นั่นคือ สหกรณ์บริการจักรเพชร ซึ่งรับเป็นนายหน้าขายตุ๊กตุ๊กเอื้ออาทร โดยมี ธนาคารออมสิน 2 สาขา คือ เยาวราช กับ สยามพารากอน ปล่อยกู้ แต่ ไม่ใช่เพื่อซื้อตุ๊กตุ๊ก ทว่า ทำสัญญา 2 แบบ ได้แก่ สินเชื่อห้องแถว , และ สินเชื่อองค์กรพัฒนาชุมชน แถม การคิดยอดหนี้รวมดอกเบี้ย ของ แบงก์ออมสิน 2 สาขา ไม่เท่ากัน ที่สำคัญ เป็นการเซ็นสัญญาล่วงหน้า โดยไม่ได้เงินก้อนมาอยู่ใน มือ ไม่ได้เล่มรถ เพราะสหกรณ์บริการจักรเพชร เอาไปเก็บไว้เองทุกอย่าง โดยให้ ผู้เสียหาย 218 คน ที่ซื้อรถ ตุ๊กตุ๊ก ต้องจ่ายเงินกู้พร้อมดอกเบี้ย เข้าบัญชีสกรณ์ ฯ แทนที่จะเป็นแบงก์ออมสิน ทำให้แบงก์ออมสิน ฟ้องผู้ซื้อรถตุ๊กตุ๊ก ให้ชำระหนี้ ทั้งที่จ่ายเงินผ่อนทุกเดือนไม่เคยขาด ซึ่งกรณีของผู้เสียหาย กลุ่มอื่น ก็เจอลักษณะเดียวกัน**
หลังจากมีผู้เสียหาย มาร้องเรียน ทาง มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อ ผู้บังคับการบังคับการปราบปราม เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2561 กรณี ร้องทุกข์กล่าวโทษ กับ สหกรณ์บริการจักรเพชร จำกัด กรรมการและผู้จัดการสหกรณ์ฯ ธนาคารอออมสิน ผู้จัดการธนาคารออมสิน สาขาเยาวราช และ ผู้จัดการธนาคารออมสิน สาขาสยามพารากอน และ ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด กระทำการที่อาจเข้าข่ายฉ้อโกงประชาชน ภายหลังกองบังคับการปราบปราม ได้แจ้งให้มูลนิธิฯ ทราบว่า ได้เสนอเรื่องไปยังผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อพิจารณาสั่งการ ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม 2562
ตลอดระยะเวลาเกือบ 4 ปี ภายหลังที่แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ กลับยังไม่มีความคืบหน้าในการดำเนินคดี และมูลนิธิฯ ได้ดำเนินการติดตามความคืบหน้ากับ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง มาโดยตลอด กระทั่ง วันที่ 3 มีนาคม 2564 มูลนิธิฯ ได้เข้าพบ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดี โดย พล.ต.ต.ปัญญา ปิ่นสุข รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก. ) ในขณะนั้น แจ้งว่า หลังได้รับข้อมูลจาก คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.) ได้สืบสวนผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง คืบหน้ากว่าร้อยละ 80 ส่วนอีกร้อยละ 20 จะสอบสวนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จากนั้นจะจัดประชุม รวมถึงรวบรวมข้อมูลส่งให้กับอัยการเพื่อดำเนินคดีต่อไป แต่การดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องกลับไม่มีความคืบหน้า มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค จึงต้องมายื่นเรื่อง ต่อ ผู้บัญชาการตํารวจสอบสวนกลาง คนปัจจุบัน เพื่อขอเร่งรัดคดี สร้างความเป็นธรรมแก่ผู้เสียหาย