มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค
ให้คำปรึกษาผ่านโทรศัพท์ 02 248 3737
ให้คำปรึกษาผ่านโทรศัพท์
Consumer Thai Facebook page

< กลับไปหน้ารวมข่าว

มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เสนอ 3 เคล็ดลับ โดยสารปลอดภัย

เขียนโดย: มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค

เขียนเมื่อ: 11-04-2023 13:37

หมวดหมู่: บริการขนส่งและยานพาหนะ

ภาพประกอบข่าว

สงกรานต์นี้ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เสนอ 3 เคล็ดลับ โดยสารปลอดภัย พร้อมวอนรัฐฯ บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อลดอุบัติเหตุ

วอนรัฐฯ ตรวจจับรถผิดกฎหมาย บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันปัญหาและลดอุบัติเหตุ พร้อมเสนอให้ผู้ประกอบการรถโดยสาร เพิ่มจำนวนรถ และกำลังคนขับเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค

วันนี้ (11 เมษายน พ.ศ.2566 )นางนฤมล เมฆบริสุทธ์ รองผู้อำนวยการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ฝ่ายพิทักษ์สิทธิ์ กล่าวว่า จากประเด็นข่าวเผยแพร่ถึงเหตุการณ์ที่เจ้าของบริษัททัวร์ บังคับให้คนขับรถ ขับรถไป-กลับ ระหว่าง ชัยภูมิ-กรุงเทพฯ เป็นจำนวน 3 รอบติดกันโดยไม่ได้พัก น่ากังวลในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์นี้ ที่จะมีผู้ใช้บริการรถโดยสารสาธารณะเดินทางกลับต่างจังหวัด ที่อาจอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุบนถนนจนเกิดอันตรายทั้งผู้โดยสาร และ รถที่อยู่บนท้องถนน ซึ่งเป็นปัญหาที่ร้ายแรง เพราะสร้างผลกระทบไม่ใช่แค่ผู้ประสบเหตุ แต่กระทบไปถึงครอบครัวที่ต้องสูญเสียบุคคลสำคัญ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจจะต้องมีมาตรการการลงโทษกับผู้ประกอบการเพื่อมิให้เกิดการกระทำซ้ำ และในช่วงเทศกาลหรือวันหยุดยาว อาจมีการฉวยโอกาสกระทำแบบเดิม เพราะเป็นช่วงที่ผู้บริโภคมีความต้องการใช้บริการรถโดยสารในการเดินทาง รวมถึง กรณี รถผี รถเถื่อน หรือรถที่ไม่ได้รับอนุญาตประกอบกิจการขนส่ง นำมาใช้ในการให้บริการกับผู้บริโภค

มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค จึงขอให้หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด และจริงจัง ในการตรวจจับรถที่ผิดกฎหมาย เพื่อเป็นการป้องกันมิให้เกิดปัญหา และเสนอให้ผู้ประกอบการรถโดยสาร เพิ่มจำนวนรถ และกำลังคนขับ เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค

สำหรับผู้บริโภคที่กำลังจะเดินทางในช่วงนี้ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค มี 3 เคล็ดลับ ขึ้นรถโดยสารให้ปลอดภัย ซึ่งเป็นวิธีปฏิบัติง่ายๆ ดังนี้

เคล็ดลับที่ 1 ซื้อตั๋วให้ปลอดภัย

  • เลือกซื้อตั๋วโดยสารกับบริษัทที่เชื่อถือได้ คือ มีชื่อบริษัทปรากฎที่ช่องจำหน่ายตั๋ว บริเวณตัวรถโดยสาร ดูว่ามีตราสัญลักษณ์ประทับข้างรถว่าเป็น “รถร่วมของ บขส.” หรือ รถที่ได้รับอนุญาตจากกรมการขนส่งทางบกหรือไม่ เพื่อหลีกเลี่ยง การถูกล่อลวงให้ใช้บริการของรถโดยสารที่ไม่ได้รับอนุญาตจาก บขส. ซึ่งถือเป็นรถโดยสารผิดกฎหมายหรือที่เรียกว่า “รถผี รถเถื่อน” นั่นเอง

  • ต้องได้รับตั๋วโดยสารหลังจ่ายเงินทุกครั้ง พร้อมทั้งตรวจสอบทันทีว่าข้อมูลการเดินทางถูกต้อง ครบถ้วนหรือไม่ นั่นคือ วันเวลาที่เดินทาง ราคาตั๋วโดยสาร ตำแหน่งที่นั่ง เลขข้างรถ ประเภทของรถโดยสาร หากระบุไม่ตรงให้รีบทักท้วงแก้ไขโดยทันที

เคล็ดลับที่ 2 เตรียมตัวให้ปลอดภัยก่อนเดินทาง

  • ต้องมาถึงสถานีขนส่ง ก่อนเวลารถออกอย่างน้อย 30 นาที เพื่อจะได้มีเวลาตรวจสอบว่า รถโดยสารที่จะใช้บริการถูกต้อง ตรงตามต้องการหรือไม่ เช่น สภาพของรถโดยสารเก่าทรุดโทรมไม่เหมาะต่อการเดินทาง หรือซื้อตั๋วรถโดยสารชั้นเดียวแต่ทางผู้ให้บริการจัดเป็นรถสองชั้น รถบริการเสริมลายการ์ตูน หรือรถตู้โดยสารให้แทน ผู้โดยสารต้องปฏิเสธโดยทันที และขอให้ปรับเปลี่ยนจัดรถที่ถูกต้องตรงตามสัญญา หากไม่สามารถตกลงกันได้ให้ผู้โดยสารติดต่อที่ “หน่วยคุ้มครองสิทธิผู้ใช้บริการรถสาธารณะ” ซึ่งจะให้บริการภายในสถานีขนส่งแต่ละแห่ง หากไม่มีให้โทรติดต่อที่หมายเลข 1584 เพื่อให้ช่วยดำเนินการแก้ไขปัญหา

  • ผู้โดยสารต้องขึ้นรถในบริเวณสถานีขนส่งเท่านั้น ห้ามขึ้นรถในบริเวณภายนอกสถานีขนส่ง หากได้รับการชักชวน หรือเชิญชวนจากพนักงานบริการ ให้สอบถามเหตุผลว่าเพราะอะไรจึงไม่จอดในสถานี เพราะหากท่านหลงเชื่ออาจจะกลายเป็นเหยื่อของ “รถผี รถเถื่อน”

  • ก่อนขึ้นรถให้ตรวจสอบข้อมูลของรถโดยสารเพื่อประโยชน์ของท่าน คือ ป้ายทะเบียนรถ รถโดยสารประจำทางจะต้องมีป้ายสีเหลือง ตัวอักษรสีดำ เลขตัวหน้าจะขึ้นต้นด้วยหมวดเลข 10-19 หากเป็นรถโดยสารรับจ้างไม่ประจำทาง จะขึ้นด้วย หมวดเลข 30-39 แต่ถ้าเป็นป้ายสีขาว ให้สันนิษฐานว่าเป็นรถยนต์ที่จดทะเบียนเป็นรถส่วนบุคคล ซึ่งผู้โดยสารจะมีความเสี่ยงมากกว่าในการใช้เพื่อโดยสาร เลขข้างรถ จะบ่งบอกถึงเส้นทางการเดินรถของผู้ประกอบการ เราสามารถตรวจสอบกลับได้หากเกิดเหตุ เพราะเลขข้างรถจะไม่ซ้ำกันในแต่ละคัน รวมทั้ง ชื่อ-นามสกุล ของพนักงานขับรถ, ช่วงเวลาของการเดินทาง

  • ภายในรถต้องมีอุปกรณ์ความปลอดภัยครบถ้วน เช่น เข็มขัดนิรภัย ค้อนทุบกระจก อุปกรณ์ดับเพลิง และประกันภัย

เคล็ดลับที่ 3 ระหว่างเดินทางต้องปลอดภัย

  • รถโดยสาร ต้องออกจากสถานีเดินรถตามเวลาที่กำหนด หรือตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่ของบริษัทที่ประจำอยู่ ณ สถานีนั้น ไม่รับผู้โดยสารเกินกว่าจำนวนที่นั่งผู้โดยสาร โดยเฉพาะรถโดยสารปรับอากาศ ต้องไม่มีผู้โดยสารยืนโดยเด็ดขาด

  • พนักงานขับรถ ต้องขับรถติดต่อกันไม่เกิน 4 ชั่วโมง เว้นแต่ได้พักติดต่อกันเป็นเวลาไม่น้อยกว่าครึ่งชั่วโมง ก็ให้ปฏิบัติหน้าที่ ขับรถต่อไปได้อีกไม่เกินสี่ชั่วโมงติดต่อกัน และต้องขับรถตามเส้นทางที่กำหนดไว้ หากไม่มีเหตุสุดวิสัย และต้องหยุดหรือจอดรถตามที่กำหนดไว้ตามตารางการเดินรถ ไม่ทอดทิ้งผู้โดยสารระหว่างทาง

  • ผู้โดยสาร ต้องคาดเข็มขัดนิรภัยตลอดการเดินทาง รถโดยสารสาธารณะโดยเฉพาะรถประจำทางปรับอากาศที่เดินทางระหว่างจังหวัดหรือข้ามจังหวัด ควรจัดให้มีเข็มขัดนิรภัยแก่ผู้โดยสารทุกที่นั่ง และควรให้พนักงานประจำรถแนะนำผู้โดยสารให้ใช้เข็มขัดนิรภัยทุกคน การที่ผู้โดยสารคาดเข็มขัดนิรภัยหากรถเกิดอุบัติเหตุขึ้นจะทำให้ร่างกายของผู้ โดยสารไม่หลุดจากที่นั่งไปชนกระแทกกับผู้โดยสารคนอื่นหรือวัสดุสิ่งของต่างๆ ในรถได้ ซึ่งช่วยลดความสูญเสียที่เกิดจากการบาดเจ็บและเสียชีวิตได้เป็นอย่างดี

  • ผู้โดยสารต้องสังเกตสัญญาณง่วงของพนักงานขับรถ เช่น เหยียบเบรกโดยไม่มีเหตุผล หาวบ่อยๆ ต้องให้หยุดขับรถและพัก เพราะหากหลับในเพียง 3-4 วินาที ขณะที่ความเร็วรถ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เท่ากับรถวิ่งไปโดยไม่มีผู้ควบคุมซึ่งเป็นอันตรายมาก

หากผู้บริโภคได้รับความเสียหาย หรือไม่ได้รับความเป็นธรรมจากสินค้าและบริการ สามารถขอคำแนะนำได้ที่ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค* โดยในระหว่างวันที่ 13 - 17 เมษายน 2566 สามารถฝากเรื่องร้องเรียนได้ที่ช่องทาง E-mail :complaint@consumerthai.org และ Inbox FB : มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค


ปรึกษา ร้องเรียน
สอบถามเพิ่มเติม