มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค
ให้คำปรึกษาผ่านโทรศัพท์ 02 248 3737
ให้คำปรึกษาผ่านโทรศัพท์
Consumer Thai Facebook page

< กลับไปหน้ารวมข่าว

องค์กรผู้บริโภคผลักดันแก้ปัญหารถเมล์โดยสาร หลังเหตุปฏิรูปรถเมล์สร้างผลกระทบผู้ใช้บริการ

เขียนโดย: มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค

เขียนเมื่อ: 26-08-2024 15:03

หมวดหมู่: บริการขนส่งและยานพาหนะ

ภาพประกอบข่าว

มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคและเครือข่ายผู้บริโภคกรุงเทพฯ ประกาศเดินหน้าผลักดันแก้ปัญหารถเมล์โดยสาร หลังเหตุปฏิรูปรถเมล์สร้างผลกระทบผู้ใช้บริการ

มูลนิธิฯ และเครือข่ายองค์กรผู้บริโภคกรุงเทพฯ ประกาศพร้อมเดินหน้าผลักดันให้เกิดการแก้ปัญหารถเมล์โดยสาร จากการกรมการขนส่งทางบกปฏิรูปรถเมล์ที่สร้างผลกระทบต่อผู้ใช้บริการเพื่อแก้ปัญหาและตอบโจทย์คุณภาพชีวิตของผู้โดยสารอย่างแท้จริง

วันนี้ ( 26 สิงหาคม 2567 ) ทีมข่าวมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคเปิดเผยว่า “รถเมล์” เป็นระบบบริการขนส่งสาธารณะขั้นพื้นฐานที่อยู่ใกล้ตัวประชาชนส่วนใหญ่ แต่เวลานี้กลับกลายเป็นระบบที่ขาดประสิทธิภาพ ไม่มีการเชื่อมต่อโครงข่าย ราคาค่าโดยสารแพงจากการต้องต่อรถหลายสายหลายทอด ประชาชนในหลายพื้นที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการ ป้ายรถเมล์ที่ใช้ไม่ได้จริง และ คนขับขาดวินัย กลายเป็นเรื่องที่กระทบต่อชีวิตประจำวันของผู้บริโภคที่รายได้น้อยและไม่มีทางเลือกไปใช้บริการขนส่งสาธารณะราคาแพงอย่างรถไฟฟ้าทั้งใต้ดิน -บนดิน ที่สำคัญหลังจากกรมการขนส่งทางบก เดินหน้าแผนปฏิรูปเส้นทางรถเมล์ 269 เส้นทาง โดยเอกชนได้รับ 162 เส้นทาง ขสมก.ได้รับ 107 เส้นทาง แต่ไทยสมายล์ บัส ขอวิ่งทับซ้อน ขสมก. 36 เส้นทาง ทั้ง 8 เขตเดินรถ และบางเส้นทางที่ขอปรับมีการทับซ้อนกับเส้นทางขสมก. 100 เปอร์เซ็นต์ ที่สำคัญหากเส้นทางรถเมล์ของ ขสมก.ตกอยู่ในมือเอกชนทั้งหมด นั่นย่อมทำให้ประชาชนที่ใช้บริการรถเมล์ ขสมก. ไม่สามารถใช้บัตรโดยสารชำระเงินบนรถเมล์เอกชน ไม่ว่าจะเป็น บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ,บัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ ขสมก. รายเที่ยว,บัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ ขสมก. รายเดือน/รายสัปดาห์ ทั้งรถธรรมดาและรถปรับอากาศ ,บัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ ขสมก. รายเดือน สำหรับนักเรียน-นักศึกษา ทั้งรถธรรมดาและรถปรับอากาศ อีกทั้งปัญหาที่เกิดหลังการปฏิรูปยังมีการตัด ปรับเปลี่ยนเส้นทาง, เปลี่ยนแปลงเลขสายเส้นทางเป็นเลขขีดและภาษาอังกฤษ,บางสายที่ ขสมก.วิ่งอยู่เดิม ให้เอกชนเข้ามาวิ่งแทน ทำให้เกิดระบบผูกขาดเส้นทาง จากเหตุเหล่านี้ทำให้มีเสียงสะท้อนจากผู้ใช้บริการที่ได้รับผลกระทบจากการที่รถขาดระยะ รถน้อยคอยนาน มีรถวิ่งบริการไม่เพียงพอเกือบทุกเส้นทาง เกิดความยากลำบากในการเดินทาง

นางนฤมล เมฆบริสุทธิ์ รองผู้อำนวยการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ชี้ว่า หลังปฏิรูปรถเมล์ ที่เห็นได้ชัด นั่นคือ รถเมล์ไม่เพียงพอในช่วงเวลาเร่งด่วนหลายสาย โดยเฉพาะ 14 เส้นทางที่ ขสมก. เลิกวิ่ง และล่าสุดอีก 49 เส้นทางที่จะหยุดวิ่งหลังวันที่ 31 ส.ค 67 แต่เดิมเคยเป็นเส้นทางวิ่งสายยาว แต่จากนโยบายใหม่ ที่ต้องการให้รถเมล์วิ่งระยะสั้นมากขึ้น เป็นผลมาจากแผนปฏิรูปรถเมล์ ที่ตั้งเป้าเป็น “1 เส้นทาง 1 ผู้ประกอบการ” แต่ได้กลายเป็นการผูกขาดเส้นทาง และผู้ให้บริการมีรถไม่เพียงพอรองรับประชาชนในเวลาเร่งด่วน ที่สำคัญยังส่งผลกระทบต่อผู้โดยสาร เพราะต้องแบกรับค่าโดยสารที่เพิ่มขึ้นเท่าตัว อย่างเช่น ราคาโดยสารของเอกชนจากบริษัทไทยสมายล์ บัส เริ่มต้น 15 บาท ขณะที่ ขสมก. เริ่มต้นเพียง 8 บาท ซึ่งคนที่มีรายได้น้อย หากต้องนั่งรถเมล์วันละหลายสาย ค่าแรงจากการทำงานที่ได้มาก็ไม่เพียงพอกับค่ารถต้องแบกภาระค่าโดยสารเพิ่มขึ้น แม้เอกชนมีโปรโมชันให้ซื้อบัตรโดยสาร 40 บาท ถึงแม้สามารถเดินทางได้ทั้งวัน แต่กลับไม่มีรถวิ่งทุกเส้นทาง แถมรถเอกชนบางสายไม่ยอมให้ใช้สิทธิผู้สูงอายุ ส่วนผู้ที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ไม่สามารถใช้กับรถของเอกชน ในเมื่อรถที่ให้บริการมีไม่เพียงพอต่อความต้องการจึงสร้างความเดือนร้อนทำให้ประชาชนเดินทางยากลำบากยิ่งขึ้น บางคนต้องหันไปพึ่ง รถแท็กซี่, รถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ซึ่งอัตราค่าบริการที่สูง เมื่อเทียบกับรายได้น้อย แต่ต้องแบกรับภาระในการจ่ายค่าบริการรถทางเลือกโดยไม่จำเป็น ส่วนปัญหาการเปลี่ยนเลขหมายการเดินรถในเส้นทางปฎิรูปทำให้ประชาชนสับสน อีกทั้งป้ายรถเมล์ไม่บอกเส้นทาง บอกแต่เบอร์รถ และเป็นป้ายเก่า ไม่ใช่ป้ายที่บอกเลขหมายใหม่ แต่กลับขาดช่องทางประชาสัมพันธ์ที่ให้ประชาชนสามารถเข้าไปตรวจสอบเส้นทางการเดินรถโดยสะดวก

จากกรณีศึกษาปัญหาเส้นทางให้บริการของรถเมล์ในโซนกรุงเทพตะวันออก และกรุงธนใต้ ที่โครงการพัฒนาชุดความรู้และจัดทำข้อเสนอนโยบายเรื่องรถรับส่งนักเรียนและรถเมล์โดยสารในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคในระบบบริการขนส่งสาธารณะ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ร่วมกับ ศูนย์สำรวจความคิดเห็นบ้านสมเด็จโพลล์ สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ทำการสำรวจ พบปัญหาที่สร้างความยากลำบากในการเดินทางเข้าเมือง เพราะรถน้อยคอยนาน,รถขาดระยะ, มีรถวิ่งบริการไม่เพียงพอเกือบทุกเส้นทาง

การปฎิรูปรถเมล์ กรมการขนส่งทางบก ต้องยึดหลักการที่ไม่กระทบประชาชน โดยสิ่งที่ต้องตระหนัก นั่นคือ ขสมก.เป็นหน่วยงานที่ให้บริการประชาชนทุกกลุ่ม ทุกวัย และมีค่าโดยสารเริ่มต้น 8 บาท เป็นรถเมล์ขวัญใจคนจน ส่วนรถไทยสมายล์ บัส ประชาชนต้องแบกรับค่าโดยสารเพิ่ม ในเมื่อมีเสียงวิจารณ์จากผู้ใช้บริการมาตลอด เหตุใด กรมการขนส่งทางบก ในฐานะผู้กำกับดูแล กลับไม่ยอมแก้ปัญหาในภาพรวมเพื่อให้ผู้บริโภคได้รับบริการที่ดีขึ้นดังนั้น มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เครือข่ายองค์กรผู้บริโภค และ เครือข่ายเพจรถเมล์ไทย จึงผนึกกำลังประกาศเดินหน้าผลักดันให้เกิดการแก้ไขปัญหารถเมล์โดยสารให้กับคนกรุงเทพฯ โดยยื่นข้อเสนอต่อกรมการขนส่งทางบก ขอให้มีทบทวนการปฏิรูปเส้นทางรถรถเมล์โดยสารในกรุงเทพฯ โดยขอให้ทบทวนข้อกำหนด 1 เส้นทาง 1 ผู้ประกอบการ ที่ทำให้ไม่มีรถเพียงพอกับประชาชนที่ใช้บริการ, มีมาตรการจัดการระบบรถโดยสารให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ โดยต้องประสานความร่วมมือกับกรุงเทพมหานครและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดให้มีเส้นทางการเดินรถเมล์โดยสารที่สะดวกรวดเร็ว เสนอให้มีป้ายรถเมล์ที่บอกรายละเอียดเส้นทางเดินรถจากจุดเริ่มต้น เส้นทางที่ผ่าน และจุดหมายปลายทางทุกป้ายรถเมล์ , ส่วนรถร้อนต้องมีเหมือนเดิมและราคาต้องเป็นมาตรฐานเดียว ,สิทธิผู้สูงอายุรวมถึงผู้มีบัตรสวัสดิการของรัฐต้องสามารถใช้บริการของเอกชนได้ ,เสนอให้มีระบบเชื่อมต่อรถเมล์โดยสารระหว่างรัฐวิสาหกิจและเอกชนแต่ค่าโดยสารต้องไม่เกิน 30 บาทต่อวัน , ที่สำคัญขอเสนอให้มีตัวแทนผู้บริโภคที่ใช้บริการ องค์กรผู้บริโภค เข้าไปมีส่วนร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจและเอกชน ที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ในการออก กฎหมาย มาตรการกำกับ และหลักเกณฑ์ การกำกับดูแล เพื่อให้ผู้บริโภคที่ใช้บริการได้รับการคุ้มครองสิทธิ อย่างเป็นธรรม

มีคำพูดทิ้งท้ายจากผู้ใช้บริการรถเมล์ "เมื่อใดก็ตาม หน่วยงานภาครัฐ "หากละเลยระบบขนส่งสาธารณะ นั่นย่อมหมายความได้โดยง่ายว่ากำลังละเลยความเดือดร้อนของประชาชน"

สำหรับผู้บริโภคที่ถูกละเมิดสิทธิ สามารถปรึกษาและร้องเรียนได้ที่ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค 4/2 ซอยวัฒนโยธิน แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร ติดต่อร้องทุกข์(ศูนย์พิทักษ์สิทธิ) โทร 02-248-3737, 089-788-9152 หรือ complaint@consumerthai.org


ปรึกษา ร้องเรียน
สอบถามเพิ่มเติม