เคสคุณแม่ลูกอ่อน ถูกโกงจาก live ในติ๊กต็อก😡#ไม่ต้องการให้พี่มิจลอยนวล😡#ต้องการทวงความเป็นธรรม

เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า ...วันนั้นเราเปิดติ๊กต็อกไปเจอ live กล่องสุ่มราคา179 บาท มีการการันตทุกๆ คิวที่โอนเงินเข้ามาทางแชตไลน์จะได้สินค้าแน่นอน ‼️ไม่ว่าเป็นจะลำโพงบลูทูธ หูฟังบลูทูธ นาฬิกา smart watch เป็นต้น ถ้าโชคดี จะได้ โทรศัพท์ iPhone เราก็เชื่อและมั่นใจว่า "ได้ของแน่นอน ได้อะไรก็คุ้ม"

คนที่ไลฟ์ก็บอกให้เราแอดไลน์เพื่อให้แอดมินส่งเลขบัญชีเพื่อให้โอนเงิน หลังจากโอนเงิน ก็ได้รับแจ้งว่า” คุณได้คิวที่ 94 เราสุ่มจับสลาก คุณโชคดีนะ ได้หูฟังบลูทูธ เดี๋ยวจัดส่งให้ภายใน 3 วัน ขอเลขที่บ้านเพื่อจัดส่งสินค้า ( ล่อเหยื่อให้ตายใจ ) พอล่วงมา 3 วัน ของไม่ได้จึงติดตามขอเลขแทรคพัสดุ แต่ก็อ้างว่ายังไม่ถึงรอบส่ง แต่เราก็ตาม ตาม ....แล้วก็ตาม ทุกวัน สรุป อ้างนู้นนี่นั่น เมื่อโดนทวงบ่อยๆ ก็บอกว่า จะยอมโอนเงินคืน ไอ้เราก็ให้เลขบัญชีไป ผ่านมา 4 วันเงินไม่เข้า เราก็ตามอีก รอบนี้ ไม่อ่านไลน์เลย เวลานั้น มั่นใจแล้วว่า โดนมิจฉาชีพเล่นงานเข้าให้แล้ว เมื่อเจอเหตุถูกโกงแบบนี้ จึงตัดสินใจไปแจ้งความ ตำรวจทำให้แค่ลงบันทึกประจำวัน ไม่ยอมอายัดบัญชีของมิจฉาชีพ ! แถมบอกด้วยว่า เดี๋ยวเอาเงินคืนให้เอง (ว่าซ่าน)แถมพอเราขอถ่ายรูปบันทึกประจำวัน ก็ยังไม่ยอมให้เราถ่ายอีกด้วย ไม่ได้การละ เราไม่ยอมเด็ดขาด ใครจะเห็นว่าเงิน 179 บาท มันเล็กน้อย แต่สำหรับเราคือไม่ เพราะมันมีค่ามหาศาล หากเราสามารถเอามิจฉาชีพเข้าคุกได้ คนอื่นๆจะได้ไม่ตกเป็นเหยื่ออีกต่อไป เพราะเท่าที่เรารอดูการสุ่มจับช่วงที่มิจฉาชีพ live ไม่มีใครได้โทรศัพท์ iPhone สักคน

นี่เป็นเรื่องราวที่ ผู้เสียหายนำมาปรึกษากับคุณกิตติศักดิ์ ธนันณัฏฐ์ ทนายความมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เพื่อให้ช่วยเหลือทางคดี พร้อมกับมีข้อแนะนำผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงเอาเงิน ตำรวจต้องรับแจ้งความเพื่อให้เป็นคดีอาญา เราต้องบอกกับตำรวจว่า "ประสงค์ดำเนินคดีกับมิจฉาชีพ" "ต้องการให้ทำการสอบสวนนำผู้กระทำผิดมาลงโทษ"ตามกฎหมายอาญา แต่หากหากพนักงานสอบสวนไม่รับแจ้งความหรือ ลงเพียงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน เท่านั้น ให้ติดต่อร้องเรียนกับ ผู้กำกับการ ณ สถานีตำรวจท้องที่เกิดเหตุ ได้เลย โดยดูได้จากแผนผังผู้บังคับบัญชา จะเห็นรายชื่อและเบอร์โทรศัพท์**

ผู้เสียหายบอกว่า แม้ยอดเงินแค่หลักร้อย แต่ถ้ามีคนโกง ก็ไม่ควรปล่อยให้ลอยนวล เพราะคนอื่นจะตกเป็นเหยื่อเพิ่มขึ้น 📍สุดท้ายจึงตัดสินใจฟ้องคดีอาญาฐานฉ้อโกงถึงแม้เงินค่าฟ้องคดีจะมากแค่ไหนก็พร้อมทุ่ม

วันที่ 9 เมษายน 2567 📌มายื่นฟ้องฐานฉ้อโกง😡ต่อศาล ซึ่งผู้เสียหายบอกว่า จนถึงตอนนี้ มิจฉาชีพรายนี้ก็ยังใช้ไลฟ์ หลอกคนอื่นต่อไป และเมื่อนำชื่อ-สกุล หรือเลขที่บัญชีของคนขายรายนี้เช็คจากกูเกิลพบว่ามีคนโดนอย่างเดียวกับเคสนี้อีกมาก (www.blacklistseller.com) บางรายเสียเงินไปถึง 1,990 บาท แปลกที่เขายังคงดำเนินกิจการไปต่อโดยที่บัญชีไม่ถูกอายัด (น่าจะเพราะไม่ไปแจ้งความหรือไปแต่แจ้งไม่ได้)

ทนายความมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคบอกว่า เคสแบบนี้มันคือภัยออนไลน์ แม้ยอดเงินที่ผู้เสียหายรายนี้ถูกโกงไปหลักร้อย แต่เมื่อขึ้นชั้นศาลแต่คนโกงติดคุกได้ รอดูวันขึ้นศาลมิถุนายนนี้ครับ

✌️#คนจริงฟ้องจริงของแทร่📌 #ถึงแม้เป็นแม่ลูกอ่อนก็จะสู้กับคนโกง... #อย่าปล่อยให้มิจฉาชีพลอยนวล #มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค