มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค
ให้คำปรึกษาผ่านโทรศัพท์ 02 248 3737
ให้คำปรึกษาผ่านโทรศัพท์
Consumer Thai Facebook page

< กลับไปหน้ารวมข่าว

สงสัยมั้ย? ทำไมสินค้าต้องใส่น้อยกว่าบรรจุภัณฑ์!

เขียนโดย: มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค

เขียนเมื่อ: 14-09-2023 16:34

หมวดหมู่: อาหาร ยา และผลิตภัณฑ์สุขภาพ

ภาพประกอบข่าว

สงสัยมั้ย? ทำไมสินค้าต้องใส่น้อยกว่าบรรจุภัณฑ์!

“ซื้อขนมอบกรอบทั้งที ต้องห่อใหญ่เท่านั้น! ถึงจะกินได้สะใจ แต่พอแกะห่อเท่านั้นละ เหมือนโลกหยุดหมุน ลมจากถุงปะทะหน้าวูบ เมื่อก้มมองข้างในมีขนมนอนอยู่ก้นถุง ห่อใหญ่ แต่ทำไมปริมาณสวนทาง ห่อเล็กยิ่งต้องแกะระวัง ไม่อย่างนั้นกระเด็นหกหมดแน่นอน ขนมเดี๋ยวนี้ขายลมหรือขายขนมกันแน่?

เรื่องนี้เป็นปัญหาคาใจของผู้บริโภค ที่สงสัย! หลายคนก็คงสงสัยแหละ แต่ขี้เกียจถาม เราก็สงสัยนะ ทำไม ไม่ทำซองเล็กๆ เท่าปริมาณขนมล่ะ?จากนั้น ก็มีคนมาตอบว่า ... “เขาอัดลมลงไปละเธอ ให้ถุงมันพอง ป้องกันการแตกหักของขนมค่ะ ไอ้ลมพองๆนั่นแหล่ะค่ะ ขนาดมี ขนมยังแตกเลย ถ้าแฟบๆได้กลายเป็นมันฝรั่งป่นแน่ๆ ค่ะ ^^ แล้วก็มาบ่นกันอีกแน่ 555 เมืองนอกก็เป็น ตอนแรกก็นึกว่าเป็นแค่ไทย แต่ต่างชาติก็เล่นมุกกัน เปิดมาโดนลมเป่าหน้า ขนมแทบไม่มี 5555

หลายคำถามคาใจ มีคำตอบแค่ส่วนหนึ่งนะ ปัญหามันไม่ได้อยู่กับขนาดซองนะ มันขึ้นอยู่กับปริมาณที่เปิดซองมาต่างหาก มีบางคนบอกว่า เธอๆ ต้องดูข้างถุงสิ เขียนไว้ว่า บรรจุกี่กรัม ไอ้ถุงใหญ่ๆอัดลมกันกระแทกก็ส่วนหนี่งนะ แต่ที่รู้มา พวกบริษัทที่ขายของพวกนี้เขาไปสำรวจในมุมการตลาดบวกกับหลักจิตวิทยามาแล้ว ถุงใหญ่มันช่วยดึงดูด คนซื้อไง ยิ่งเด็กๆ ด้วยแล้วละก็ เสร็จทุกราย กับดักของธุรกิจขนมขบเคี้ยวเป็นเช่นนี้

แล้วไอ้ที่อัดลมลงไปจนถุงพองใหญ่ ทำไปเพื่อ? คำถามนี้ ถือเป็นมุมของวิทยาศาสตร์การอาหาร หรือ Food Science เลยล่ะ เพราะเป็นเรื่องคาใจ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ก็เลยนำเกร็ดความรู้มาฝาก เป็นข้อมูลที่

ผู้ผลิตขนมขบเคี้ยว ไขข้อข้องใจ ทำไมในถุงขนมขบเคี้ยว ต้องมี “ลม”เยอะ!?!

“เพราะลมที่อัดอยู่ในถุงขนม คือ “ ก๊าซไนโตรเจน” ... ใส่ไปเพื่อ ? ก็มันมีประโยชน์ น่ะสิ โดยเฉพาะกับ ขนมที่ต้องใช้น้ำมันทอด เพราะมีคุณสมบัติเป็นสารกันหืนที่เกิดจากก๊าซออกซิเจนที่เป็นตัวการทำให้ให้จุลินทรีย์เจริญเติบโต ดังนั้น เมื่อไล่ก๊าซออกซิเจนออกไป จุลินทรีย์ก็ไม่สามารถเจริญเติบโตได้ ผลิตภัณฑ์จึงสดใหม่ รสชาติดี และสามารถเก็บรักษาได้เป็นเวลานาน แถม คงสภาพสดใหม่เหมือนเพิ่งออกจากโรงงาน** เพื่อรสชาติที่อร่อยเหมือนเดิมเป็นเหตุผลข้อแรก ส่วนเหตุผลที่ต้องใส่ขนมไม่เต็มถุง เพราะมีข้อกำหนดใส่ไม่เกิน 10 เปอร์เซ็นต์ของห่อ มีผู้ผลิตขนมกรุบกรอบในต่างประเทศ ยืนยันว่า จำเป็นที่ต้องใส่แค่ครึ่งเดียว ก็เพื่อรักษาคุณภาพของขนมไว้เช่นกันโดยมีก๊าซไนโตรเจน เป็นฮีโร่คอยเซฟขนมไม่ให้เสียหาย เพราะกว่าที่ขนมจะถึงมือเรานั้น เริ่มต้นการผลิตก็ต้องผ่านเครื่องมือ เครื่องจักร จำพวกสายพานบรรจุ หรือความดันจากเครื่องจักรในขั้นตอนปิดปากถุง ต่อมามีเรื่องการขนย้ายขนม วางซ้อนกัน จับยัดลงกล่อง ซึ่งถ้าใส่ขนมจนเต็มถุงหรือไม่อัดก๊าซเข้าไป ก็จะไม่มีอะไรมาลดแรงกระแทกได้ รับประกันได้เลยว่า ขนมข้างในแตกหักเสียหาย เละเป็นขนมป่นแน่นอนค่ะ คราวนี้คงต้องเปลี่ยนวิธีกินไปเป็นการชงแทน

เอ้า!! ยังมีอีกเรื่องคาใจผู้บริโภคอย่างพวกเรา ก็มันสงสัยน่ะ ทำไมพวกแป้ง หรือครีม บรรจุกระป๋องหรือขวดมีแค่ครึ่งเดียว ทำไมไม่ใส่ให้เต็มไปเลยล่ะ ฮี๊ย พูดแล้วขัดใจ

อย่าเพิ่งโวยวาย ใจเย็นกันก่อน! พวกของเหลวทุกอย่าง ไม่มีอะไรบรรจุเต็มขวดทั้งนั้น ในแง่การตลาดคือดูใหญ่คุ้มค่า ในการขนส่งถ้าบรรจุเต็มขวดเกิดการกระแทก บีบ อัด ของเหลวอาจจะทะลักออกมาได้ หรือถ้าเจออุณหภูมิเย็น หรือร้อนกว่าปกติ จะเกิดการหดหรือขยายตัว บรรจุภัณฑ์จึงต้องใหญ่เพื่อรองรับส่วนนี้

ถ้างั้น ผู้บริโภคจะรู้ปริมาณที่แน่นอนได้อย่างไร เพราะยิ่งถ้ามีโปรซื้อ 1 แถม 1 ปริมาณก็จะลดลงกว่าปกติอีก

คำตอบคือ เขาขายตามปริมาณน้ำหนัก เพราะฉะนั้น ขนาดของขวดจึงไม่ใช่ตัวบอกปริมาณของสินค้า คุณลองดูข้างบรรจุภัณฑ์ สมมุติเขียนว่าบรรจุ 100 มิลลิลิตร เมื่อสงสัยเลยต้องทดสอบ หรือง่ายๆเลย ใช้ “ถ้วยตวง “ ของเหลว ซึ่งมีมีขีดบอกสัดส่วน และจำนวนอย่างชัดเจน เป๊ะปังไม่มีพลาด มือใหม่ก็เอาอยู่! แล้วก็จะรู้ปริมาณคร่าวๆ ได้ แต่ถ้าเอาปริมาณสินค้าไป ชั่ง-ตวง–วัด แล้วไม่ตรงตามที่เขียนไว้ข้างบรรจุภัณฑ์ อ้อ! ข้อกำหนดของกระทรวงพาณิชย์ ระบุไว้ชัดนะ “น้ำหนักทั้งหมดของสินค้า ห้ามเอาไปคิดรวมกับน้ำหนักบรรจุภัณฑ์เด็ดขาด เช่น สินค้าหนัก 200 กรัม ส่วนขวดหนัก 3 ขีด จะคิดแค่น้ำหนักสุทธิของสินค้า 200 กรัมเท่านั้น (สามารถใช้เป็นมาตรฐานเดียวกับสินค้าในบรรจุภัณฑ์ทุกประเภท

หรือหากเจอประเภทที่ว่า ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคบางราย ยังใช้วิธีการรูปแบบเดิมๆในการขึ้นราคาสินค้าทางอ้อม ด้วยการลดปริมาณบรรจุและลดขนาดบรรจุภัณฑ์ลง เพื่อให้ต้นทุนสินค้าลดลง แต่ยังคงจำหน่ายในราคาเท่าเดิม สามารถร้องเรียนที่ “สายด่วน 1569 กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค 02 248 3737, สำนักงานคณะกรรมการร้องทุกข์ออนไลน์ ที่เว็บไซต์ https://complaint.ocpb.go.th/ หรือ สายด่วน สคบ. 1166 และ โทรศัพท์หมายเลข 02 143 0440

อ่านเพิ่มเติม บทความเรื่อง **“บรรจุภัณฑ์ใหญ่ไปไหม??” จากนิตยสารฉลาดซื้อ ฉบับที่ 164

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม


ปรึกษา ร้องเรียน
สอบถามเพิ่มเติม