ฝุ่น PM2.5 พิษร้ายทำลายชีวิต ! หรือว่า “รัฐฯไม่จริงจังแก้ปัญหา”
เขียนโดย: มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค
เขียนเมื่อ: 06-11-2023 16:22
หมวดหมู่: พลังงานและสิ่งแวดล้อม

ฝุ่น PM2.5 พิษร้ายทำลายชีวิต ! หรือว่า “รัฐฯไม่จริงจังแก้ปัญหา”
ฝุ่น PM2.5 มลพิษที่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เป็นมะเร็งปอด ชาวบ้านจากภาคเหนือและประเทศไทยอีกหลายจังหวัดต้องลงทุนซื้อเครื่องฟอกอากาศเพื่อฟอกปอด การเผาป่า-เผาพื้นที่การเกษตรเพื่อเริ่มต้นปลูกพืชชนิดใหม่เพราะลดต้นทุน สะดวกรวดเร็ว,การสร้างมลพิษจากควันรถยนต์, การก่อสร้าง ทั้งจากในภูมิภาคเราเองและประเทศเพื่อนบ้าน ดังนั้นคนไข้มะเร็งปอดจึงเยอะมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งๆ ที่เค้าไม่ได้สูบบุหรี่หรือรับควันบุหรี่จากคนอื่นเลยก็ตาม
สรุป PM2.5 ก่อให้เกิดมะเร็งปอดจริง ตัวอย่างเกิดขึ้นกับหลายคน โดยเฉพาะที่มีแรงสั่นสะเทือน ได้เกิดกับ นายแพทย์กฤตไท ธนสมบัติกุล อาจารย์แพทย์ประจำศูนย์ระบาดวิทยาคลินิกและสถิติศาสตร์คลินิก ภาควิชาเวชศาสตร์ครอบครัว คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่ป่วยเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้าย
10 พฤศจิกายน 2565 คือวันแรกที่คุณหมอสร้างเพจเฟซบุ๊ก “สู้ดิวะ” เพื่อโพสต์บอกเล่าเรื่องราว ...“สวัสดีครับผมเป็นมะเร็งปอดครับ” มันจะเรียกว่า ระยะสุดท้ายก็ได้ครับ ระยะลุกลาม ระยะที่ไม่สามารถผ่าตัดเอาก้อนออกแล้วก็หายขาดได้อย่างแน่นอนครับ กำลังบรรจุเป็นอาจารย์แพทย์ได้ 2 เดือน ก็ได้ตั๋วเลื่อนขั้นเป็นอาจารย์ใหญ่เฉยเลย สงสัยใช่ไหมครับ เพราะผมก็สงสัยเหมือนกัน” “ผมกำลังจะแต่งงาน กำลังจะซื้อบ้าน แล้วผมก็เป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้าย” “
อาจารย์หมอ กฤตไท ตอนนั้น อายุ 28 ปี เล่าประสบการณ์การป่วยเป็น “มะเร็งปอดระยะสุดท้าย” ( ระยะที่ 4) ทั้งๆที่ไม่เคยสูบบุหรี่ ไม่ดื่มเหล้า ทั้งที่อายุน้อย ชอบออกกำลังกาย แต่กลับเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้าย ในช่วงอายุที่กำลังมีความสุข กำลังจะแต่งงาน กำลังประสบความสำเร็จในอาชีพการงาน การบอกเล่าเรื่องราวผ่านเพจ “สู้ดิวะ” ที่เขาสร้างขึ้นในวันเดียวกับที่เริ่มเผยแพร่บทความ ในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2565 ทำให้เวลาเพียงแค่ 1 วัน กลายเป็นเพจที่มีผู้ติดตามเกือบ 3 แสนคน มีผู้แชร์ในสังคมออนไลน์หลายหมื่นถึงหลายแสนครั้ง ทำให้ผู้คนในสังคมรู้จักและหันมาใส่ใจเรื่องของโรคมะเร็ง
2 มีนาคม 2566 คุณหมอโพสต์ ว่า เช้านี้ผมตื่นขึ้นมาพร้อมกับค่าฝุ่น 186 ในห้องที่กำลังรอรับการฉายแสงครับ ผมก็ไม่ได้บอกว่า ฝุ่นควันในเชียงใหม่เป็นปัจจัยเดียวที่ทำให้ผมเป็นมะเร็งหรอกครับ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันมีผล ปัจจุบันผลการศึกษามากมาย มันพิสูจน์มาหมดแล้วครับ พวกตัวเลขค่าฝุ่นเท่านี้เทียบเท่ากับการสูบบุหรี่กี่มวนอะไรแบบนี้ ลองหาข้อมูลได้เลยครับ” ช่วงระยะเวลาที่คุณหมอเข้าสู่ขั้นตอนการรักษา อาการไม่ดีขึ้น ได้ โพสต์ข้อความผ่านเพจ "สู้ดิวะ" ตั้งคำถามถึงสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 "เราต้องเป็นประชาชนที่อยู่ในประเทศที่ต้องซื้ออากาศหายใจจริงๆ เหรอ?"
กระทั่ง...วันที่ 5 พฤศจิกายน 2566 คุณหมอกฤตไท ได้”โพสต์”เศร้า บอก“ผมคงอยู่ได้อีกไม่นาน แค่ถึงกลางเดือนหน้า” ( ธันวาคม 2566 ) อ่านแล้วเศร้าเลย respect คุณหมอมากที่มาแชร์เรื่องราวของตัวเองเพื่อเป็นกำลังใจให้ใครหลายๆคน 😢😢
ปัญหา PM2.5 ไม่ใช่ปัญหาใหม่ แต่ยังคงเป็นปัญหาที่ต่อเนื่องและท้าทายประเทศไทย เพื่อรอการจัดการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม งานวิจัยระบุว่าคนไทยเสียชีวิตจากฝุ่น PM2.5 ประมาณ 70,000 คนต่อปี ขณะที่องค์การอนามัยโลกพบว่า ประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตจาก PM2.5 สูงเป็น 4 เท่าของการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุการจราจรทางบก เพจ iGreen ได้โพสต์เรื่องราว PM 2.5 ตัวการก่อมะเร็ง วิกฤตที่ถูกมองข้าม https://www.igreenstory.co/pm2-5-is-carcinogens/?fbclid=IwAR0-vCCdKITFYTDdG_V9FR4iIAflFy-C3o46h-TDvo37f6Yno9boLEjaB9U
ล่าสุด 6 พฤศจิกายน 2566 นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ ให้สัมภาษณ์กับ เพจ iGreen ว่า หากได้รับฝุ่น PM2.5 เข้าในร่างกายปริมาณมากระยะยาวจะส่งผลให้เกิดโรคร้ายแรง ทั้งระบบหัวใจและหลอดเลือด และโรคมะเร็งได้ เมื่อฝุ่นเข้าสู่ร่างกาย นอกจากฝุ่น PM2.5 จะทำให้เกิดการอักเสบภายในร่างกายแล้ว ยังเข้าไปทำลายระบบต่างๆ ในเซลล์ของปอด ที่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งปอดได้ ตัวเลขความสูญเสียจากฝุ่นพิษในแต่ละปีน่าจะช่วยเพิ่มความตระหนักรู้ถึงต้นตอของปัญหาได้เป็นอย่างดี และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องควรต้องลงมือแก้ปัญหามลพิษอากาศอย่างจริงจังเสียตั้งแต่วันนี้
แล้วผู้คนจะต้องจมปลักอยู่กับปัญหาแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน! ทำไม? ปัญหาฝุ่น PM2.5 ถึงไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเด็ดขาดและยั่งยืน คำตอบง่ายมาก นั่นก็เพราะ วาระแห่งชาติของทุกรัฐบาล ไม่ให้ความสำคัญเรื่องนี้ ให้เหตุผลแค่ว่าเกษตรกรส่วนใหญ่มีฐานะยากจนและต้องการลดต้นทุนการผลิตจึงไม่อยากบังคับใช้กฎหมาย เพราะเห็นใจ แต่! คนรวยที่เป็นเจ้าของที่การเกษตรจำนวนมากก็ยังเผา ! คนเผาก็เผาไป ส่วนคนทำมาหากินทั่วไปต้องมารับมลพิษจนตายไปเพราะมะเร็งปอด อย่างนี้หรือ ?
เมื่อครั้งที่นิตยสารฉลาดซื้อ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค แถลงข่าวเรื่องประสิทธิภาพเครื่องฟอกอากาศ ครั้งที่ 2 วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2564 เราได้ฟังรายละเอียดเรื่อง พ.ร.บ.อากาศสะอาด จาก ดร.นพ.วิรุฬ ลิ้มสวาท ผู้อำนวยการสำนักวิจัยสังคมและสุขภาพ สํานักวิชาการสาธารณสุข สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข นักวิชาการด้านสังคมและสุขภาพ ซึ่งพบว่าน่าสนใจจนต้องขอนำมาเผยแพร่ผ่านฉลาดซื้ออีกครั้ง “เรื่องมลพิษทางอากาศมันซับซ้อนต้องจัดการร่วมกันหลายระดับตั้งแต่ระดับครอบครัวจนถึงระดับสังคม รวมถึงต้องปกป้องสุขภาพของประชาชนไปพร้อมกันการหาทางจัดการที่ต้นเหตุด้วย” อ่านต่อที่บทความเรื่อง “เรากำลังหยิบยื่นมลพิษทางอากาศให้กับประชาชน คือส่งคนไปตายเพื่อแลกกับความเติบโตของทางเศรษฐกิจ” นิตยสารฉลาดซื้อ ฉบับที่ 240 https://www.chaladsue.com/article/3661
อ่านข้อมูล“ฉลาดซื้อ” ทดสอบเครื่องฟอกอากาศ พบหลายแบรนด์ลด PM 2.5 ไม่ได้ เหมือนที่โฆษณา เขียนโดย มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2564 https://www.consumerthai.org/consumers-news/product-and-other/4547-642202_airpurifier-pm.html
กฎหมายที่เกี่ยวกับการปกป้องคนจากฝุ่นควัน ควันบุหรี่ มีก็เหมือนไม่มี ใช้งานไม่ได้จริง เมื่อไหร่จะหลุดพ้นจากนรก? ฝุ่นพิษ PM2.5 มะเร็งร้ายในภาคเหนือยังสาหัสต่อเนื่อง อย่างน้อย 6.3 ล้านคนเสี่ยงป่วยสูง ไทยเผาเพิ่ม ฝุ่นพิษกลับมาสูงระดับอันตรายมากต่อสุขภาพในอีสาน กลาง และ ตะวันตก ยิ่งเฉยยิ่งป่วยเพิ่ม เพจ เชิญชวนชาวไทยทุกคนร่วมใจช่วยพี่น้องภาคเหนือกัน นี่เป็นข้อความจาก Change.org เว็บไซต์เพื่อ “สร้างการเปลี่ยนแปลง” ด้วยแพลตฟอร์ม “รณรงค์ออนไลน์” เป็นพื้นที่ที่คนทั่วไปสามารถเริ่มการรณรงค์ ระดมพลังสนับสนุน และทำงานร่วมกับผู้มีอำนาจในการตัดสินใจเพื่อร่วมกันหาวิธีแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้เปิดพื้นที่ให้ภาคประชาชนร่วมกันผลักดัน -สนับสนุนให้เกิด “ร่างพระราชบัญญัติอากาศสะอาด” โดยเข้าไปที่ลิงก์นี้ change.org/CleanAirActTH เพื่อสนับสนุนร่างพระราชบัญญัติอากาศสะอาด ภาคประชาชน ขอแค่หนึ่งเสียงของคุณ ลงชื่อสนับสนุนแคมเปญนี้ เพราะนี่จะเป็นกระบอกเสียงสำคัญเพื่อช่วยยันไม่ให้ร่างพรบ.อากาศสะดาดฉบับนี้ โดนปัดตกอย่างไม่แยแส อากาศสะอาดเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของเราทุกคน อากาศที่เราหายใจ หากเราไม่ปกป้อง ใครจะปกป้องให้เรา ทุกพลังของประชาชนต้องช่วยกันผลักดัน กระตุ้นให้รัฐบาลหันมาจริงจังจัดการปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5 เสียที !