เมื่อ...มิจฉาชีพใช้กลวิธี "ดัก ใน ดัก " ปลอมเป็นตำรวจลวงเหยื่อ!
เขียนโดย: มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค
เขียนเมื่อ: 31-12-2024 16:17
หมวดหมู่: การเงิน การธนาคาร

เมื่อ...มิจฉาชีพใช้กลวิธี "ดัก ใน ดัก" ปลอมเป็นตำรวจลวงเหยื่อ!
ช่วยด้วย! เจอมิจฉาชีพทำงานเชิงรุก ยิงโฆษณา Facebook กันฉ่ำๆ แถมเปิดเว็บไซต์แอบอ้างเป็น "ตำรวจไซเบอร์" รับแจ้งความช่วยเหลือผู้ถูกหลอกลวงทางออนไลน์ เมื่อเหยื่อหลงเชื่อมิจฉาชีพจะสร้างบัญชีปลอมให้ติดต่อกลับ จากนั้นเริ่มขอเอกสารส่วนตัวของเหยื่อ เช่น สำเนาบัตรประชาชน หรือ เอกสารประจำตัวอื่น ๆ จนถึงขั้นตอนหลอกให้โอนเงินโดยอ้างว่าเป็นค่าดำเนินการ หรือ ข่มขู่ด้วยบทลงโทษทางกฎหมาย
ทำไม? เหยื่อหลงเชื่อ! นั่นก็เพราะ... ข้อมูลตำรวจตัวจริง พวกมิจฉาชีพมันก็รู้หมด...ชื่ออะไร ตำแหน่งอะไร หน่วยงานไหน อยู่ตึกไหน ชั้นไหน เบอร์มือถือ อยู่บ้านเลขที่เท่าไหร่ แถมยังเอารูปนายตำรวจระดับสูงทำภาพกราฟิก ลักษณะรับเรื่องร้องเรียนช่วยเหลือประชาชนที่ถูกหลอกทางออนไลน์ มันสร้างความสับสน เพราะคิดว่าเป็นตำรวจตัวจริง กระทั่งติดกับดัก เพราะถูกบอกให้ส่งข้อความร้องเรียนทางแชท สุดท้ายหลอกผู้เสียหายซ้ำ ทำให้สูญเสียเงินซ้ำสอง โดน "หลอก ใน หลอก" ซ้ำเข้าไปอีก !
เหยื่อพากันร้องเสียงหลง จะติดต่อเพจตำรวจไซเบอร์ ถามว่าเพจไหนตำรวจจริง หรือเพจปลอม ก็เข้าทำนอง “หนีเสือปะจระเข้ “ ความไว้วางใจ เมื่อแตกร้าวมันก็จบ ฟื้นยาก...ต้องถามว่าทำไม? ถึงปล่อยให้มิจฉาชีพหลอกลวงประชาชนได้ง่ายและเยอะถึงเพียงนี้ ! จี้ ตำรวจจริง จะจัดการยังไง? ให้สิ้นซาก เราก็เห็นนะ ตำรวจแถลงไล่ปิดเว็บไซต์ปลอม...คือ มันปลายทางแล้วอ้ะ แล้วปิดได้แค่หลักร้อย แต่มิจฉาชีพมันเปิดใหม่ได้เรื่อยๆ เป็นหลักพัน อยากถามว่าไม่มีวิธีที่เป็นต้นทางแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเหรอ?
ใช่ ...มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ก็อยากรู้เหมือนกัน เพราะฝ่ายพิทักษ์สิทธิ ได้รับการร้องเรียนจากผู้เสียหายจำนวนมากที่เจอกับดักเพจของตำรวจปลอม มันสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาที่สำคัญในยุคดิจิทัล ซึ่งผู้บริโภคมักตกเป็นเป้าหมายของการหลอกลวงผ่านช่องทางออนไลน์ การแจ้งเตือนและการดำเนินการอย่างทันท่วงทีของผู้ร้อง ถือเป็นตัวอย่างที่ดีในการปกป้องสิทธิของตนเองและป้องกันไม่ให้บุคคลอื่นตกเป็นเหยื่อเพิ่มเติม
ธนัช ธรรมมิกสกุล หัวหน้าศูนย์พิทักษ์สิทธิฯ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า ผู้บริโภค (ผู้ร้อง) ได้เข้ามาร้องเรียนต่อมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคว่า พบเพจในสื่อสังคมออนไลน์ที่อ้างตัวเป็นเพจของเจ้าพนักงานตำรวจ โดยใช้ชื่อ รูปภาพ และเนื้อหาที่ทำให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจผิดว่าเป็นเพจอย่างเป็นทางการของหน่วยงานตำรวจ ผู้ร้องแสดงความกังวลว่าเพจดังกล่าวอาจถูกใช้เพื่อการหลอกลวงหรือการกระทำที่อาจส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคในวงกว้าง และขอให้มูลนิธิฯ ช่วยตรวจสอบเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายเพิ่มเติม
เมื่อมูลนิธิฯ ได้รับเรื่องร้องเรียน จึงทำการตรวจสอบข้อมูลของเพจดังกล่าวโดยละเอียด พบว่าเพจดังกล่าวไม่ได้เป็นเพจที่จัดทำหรือดูแลโดยเจ้าพนักงานตำรวจหรือหน่วยงานราชการใด ๆ แต่เป็น เพจปลอม ที่สร้างขึ้นโดยบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่ไม่ประสงค์ดี โดยใช้วิธีการเลียนแบบลักษณะของเพจทางการ ทั้งในด้านชื่อเพจ โลโก้ รูปภาพ และข้อความประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและหลอกลวงประชาชน จากการตรวจสอบ มูลนิธิฯ พบว่าเพจดังกล่าวมีพฤติกรรมที่อาจเข้าข่ายการหลอกลวง เช่น การเชิญชวนให้ประชาชนโอนเงินเพื่อแลกกับการช่วยเหลือทางคดี หรือการแอบอ้างว่ามีอำนาจในการให้ความช่วยเหลือด้านกฎหมาย ทั้งที่ในความเป็นจริงเพจดังกล่าวไม่มีความเกี่ยวข้องกับหน่วยงานใด ๆ ของรัฐ
หลังจากการตรวจสอบ มูลนิธิฯ ได้ให้คำแนะนำแก่ผู้ร้องดังนี้
1. หลีกเลี่ยงการติดต่อหรือให้ข้อมูลส่วนตัวกับเพจดังกล่าว แนะนำให้ผู้ร้องและประชาชนทั่วไปไม่หลงเชื่อคำกล่าวอ้างของเพจที่ไม่มีแหล่งที่มาชัดเจน และไม่ควรให้ข้อมูลส่วนตัว เช่น เลขประจำตัวประชาชน หมายเลขโทรศัพท์ หรือข้อมูลทางการเงินกับเพจดังกล่าว 2. แจ้งความกับตำรวจไซเบอร์ (หน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง) มูลนิธิฯ แนะนำให้ผู้ร้องรวบรวมหลักฐาน เช่น ภาพหน้าจอของเพจ ข้อความที่เพจดังกล่าวส่งถึง หรือข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง และแจ้งความกับตำรวจไซเบอร์ เพื่อให้หน่วยงานที่มีอำนาจตรวจสอบและดำเนินคดีตามกฎหมาย 3. เฝ้าระวังและตรวจสอบแหล่งข้อมูลก่อนเชื่อถือ แนะนำให้ผู้ร้องและประชาชนตรวจสอบข้อมูลจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ เช่น เว็บไซต์หรือเพจอย่างเป็นทางการของหน่วยงานรัฐ และหลีกเลี่ยงการติดต่อหรือดำเนินการใด ๆ กับเพจที่ไม่มีการรับรองความน่าเชื่อถือ 4. เผยแพร่ข้อมูลเพื่อเตือนภัยผู้บริโภคคนอื่น ๆ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค สนับสนุนให้ผู้ร้องแจ้งเตือนผู้บริโภคในวงกว้างเกี่ยวกับความเสี่ยงที่อาจเกิดจากการหลงเชื่อเพจปลอมดังกล่าว ผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น กลุ่มสังคมออนไลน์หรือชุมชนในพื้นที่
กรณีนี้สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาที่สำคัญในยุคดิจิทัล ซึ่งผู้บริโภคมักตกเป็นเป้าหมายของการหลอกลวงผ่านช่องทางออนไลน์ การแจ้งเตือนและการดำเนินการอย่างทันท่วงทีของผู้ร้อง ถือเป็นตัวอย่างที่ดีในการปกป้องสิทธิของตนเองและป้องกันไม่ให้บุคคลอื่นตกเป็นเหยื่อเพิ่มเติม มูลนิธิฯ ขอย้ำถึงความสำคัญของการตรวจสอบข้อมูลก่อนตัดสินใจเชื่อถือ และจะคอยติดตามและประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อป้องกันปัญหาลักษณะนี้ในอนาคต
ใช่เลย! "ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน" ยังใช้ได้ดีเสมอ เพราะฉะนั้น ผู้บริโภคถือเป็นด่านแรกที่ต้องหยุดวงจรกับดักของมิจฉาชีพ อะไรแม่แน่ใจอย่าเพิ่งกระโจนเข้าไป เพราะตำรวจตัวจริงเค้าก็ประชาสัมพันธ์เตือนภัย ตอกย้ำให้ได้สติกันอยู่เสมอ ❌ไม่เชื่อ ❌ไม่รีบ ❌ไม่โอน
ทีนี้ หากพลาดกดลิงก์ปลอมไปแล้วต้องทำยังไง? ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) จึงนำวิธีการแก้ไขเมื่อเราพลาดไปกดลิงก์โดยไม่รู้ตัว มาแนะนำ
- ตั้งสติ และตัดการเชื่อมต่อ Internet ของอุปกรณ์ทันที ทั้ง Wifi และ เครือข่ายมือถือเพื่อลุดความเสื่ยงที่ข้อมูลของเราจะหลุดออกไป
- ไม่กรอกข้อมูลส่วนตัวใดๆ ทั้งสิ้น ในหน้าเว็บที่ลิงก์พาไป
- ไม่กดอนุญาต หรือ ยินยอม จากข้อความใดๆทั้งสิ้นที่แจ้งมาทางหน้าจอ
- เคลียร์แอปฯ ทั้งหมดทิ้ง เพื่อป้องกันไม่ให้แอปฯแปลกปลอมแอบทำงานอยู่
- ตรวจสอบแอปฯ ในเครื่องว่ามีแอปฯ อะไรแปลกปลอมติดตั้งมาเพิ่มเติมหรือไม่
- เปลี่ยนรหัสผ่านสำหรับบัญชีสำคัญทั้งหมด โดยเฉพาะบัญชีธนาคาร อีเมล และบัญชีโซเชียลมีเดีย พร้อมทั้ง log out ออกจากระบบในทุกอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัย
- เปิดการใช้งานการยืนยันตัวแบบสองชั้น เพื่อความปลอดภัยของอุปกรณ์
- ตรวจสอบการเคลื่อนไหวของบัญชีธนาคารว่ามีการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติหรือไม่ หากมีให้รีบติดต่อธนาคารทันที
วิธีเหล่านี้ถือเป็นวิธีการเบื้องต้นเมื่อเราพลาดกดลิงก์ปลอม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องมีสติและไม่ตระหนกเมื่อพลาดกดลิงก์ปลอมไปแล้ว
หากพบเจอลิงก์แปลกปลอม หรือเผลอกดลิงก์ไปแล้วและต้องการแจ้งความ หรือแจ้งเบาะแสเกี่ยวกับมิจฉาชีพในลักษณะดังกล่าว สามารถแจ้งได้ที่สายด่วนศูนย์ AOC 1441 ตลอด 24 ชั่วโมง ข้อมูลจากเพจ ตำรวจสอบสวนกลาง พลาดกดลิงก์ปลอมไปแล้วต้องทำยังไง?
ส่วนเพจเฟซบุ๊ก ตำรวจไซเบอร์ - บช.สอท. กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ตำรวจไซเบอร์) ได้ แนะนำวิธีใช้ Cyber Check เพื่อให้หลุดจากกับดักมิจฉาชีพ อ่านเพิ่มเติมคลิก
- ติดตั้งแอปพลิเคชัน Cyber Check
- คัดลอกลิงก์ URL
- วางลิงก์ URL
- กดปุ่มสแกน URL
- หน้าจอแสดงผล ❌ ขึ้นสีแดงแสดงว่าเป็นลิงก์ปลอม
ด้วยความห่วงใยจากตำรวจไซเบอร์ โหลด แอปพลิเคชัน Cyber Check ติดเครื่องไว้เพื่อป้องกันมิจฉาชีพออนไลน์
อีกประเด็นที่สำคัญ ที่ตำรวจไซเบอร์แจ้งเตือน
- ไซเบอร์ไม่รับแจ้งความ หรือให้ความช่วยเหลือเหยื่อคดีไซเบอร์ ผ่านแอปพลิเคชัน Line
- หากท่านใดถูกหลอกลวง แนะนำให้รีบโทรปรึกษาสายด่วน 1441 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือ สายด่วน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1599
- หากตกเป็นเหยื่อคดีออนไลน์ แจ้งความออนไลน์ ที่ www.thaipoliceonline.go.th เท่านั้น
- สามารถใช้คู่มือการใช้ระบบแจ้งความออนไลน์คดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี คลิกที่นี่สำหรับอ่านคู่มือเพิ่มเติม
แต่...จะปล่อยให้ตำรวจทำงานอยู่ฝ่ายเดียวคงไม่พอ เราคนไทยต้องเป็นหู เป็นตาช่วยกันคนละไม้ คนละมือค่ะ ดังนั้น จึงขอย้ำถึงความสำคัญของการตรวจสอบข้อมูลก่อนตัดสินใจเชื่อถือ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค จะคอยติดตามและประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อป้องกันปัญหาลักษณะนี้ในอนาคต