เขียนโดย: มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค

เขียนเมื่อ: 04-07-2024 19:26

หมวดหมู่: อาหาร ยา และผลิตภัณฑ์สุขภาพ

เหตุนี้มีเรื่อง...#เต่าบินถูกมีดปัก

พูดเล่นๆ ขำๆ แต่เรื่องจริงนะ ... ก็มีคนเจอกันอีกแล้ว "เต่าบินถูกมีดปัก”ตู้เต่าบิน ปั่นแรงไปไหม ใบมีดหักคาแก้ว,,,ดีที่หักแล้วปักให้เห็น ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์ข้อความลงในกลุ่มพวกเราคือผู้บริโภค เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม2567

ขอบคุณเครดิตเรื่องและภาพจาก : กลุ่มพวกเราคือผู้บริโภค

งานนี้ชาวเน็ตเข้าคอมเมนต์กันสนั่น ... บินจริงๆ มีดบิน, โอ้ววววว เต่าบิน หรือเต่านินจา, เหมือนหนัง สยองขวัญเลยค่ะ, ยังมีคนกินอยู่หรอ เห็นมีมาโพสต์เตือนกันเพียบ เรื่องใบมีด เศษพลาสติก ฯลฯ, มันน่าจะสักเคสนึงนะที่ผู้บริโภคคนใดคนหนึ่งจ้างทนายเพื่อฟ้องร้องกรณีนี้เพื่อเป็นเคสตัวอย่าง เป็นแบบอย่าง ใบมีดทั้งใบ อันตรายมากเลยนะ อยากให้กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคเข้มแข็งแบบต่างประเทศจังเลย

แต่รายนี้สิ หวิดดับ ! หนุ่มกดตู้น้ำปั่นเจ้าดัง ดื่มเกือบหมดแก้ว เจอใบมีดหลุดเข้าปาก เหตุการณ์ไม่คาดคิด #เตือนภัย! ตู้กดน้ำอัตโนมัติมีสิ่งแปลกปลอมปนอยู่ในแก้วด้วยเรากดสั่งเครื่องดื่ม #ซูเปอร์โอริโอ้ปั่น แต่ดันเจอ #ใบมีด อยู่ในแก้วทั้งใบเลย กินไปแล้วครึ่งแก้วเข้าในปากแล้วเราคายออกมาเราตกใจมาก

ขอบคุณเครดิตเรื่องและภาพจาก กลุ่มพวกเราคือผู้บริโภค

นี่เป็นเรื่องราวที่ทำเอาผู้บริโภคหลายคนถึงกับใจหายใจคว่ำ หลังผู้ใช้เฟซบุ๊กรายนี้ ได้โพสต์แชร์ประสบการณ์ลงในกลุ่ม พวกเราคือผู้บริโภค เมื่อวันที่4มกราคม2567เตือนภัยสายดื่มน้ำปั่นตู้กดน้ำแบรนด์ดัง หนุ่มเจอใบมีดเครื่องปั่นหลุดเข้าปาก ดื่มไปแล้วเกือบหมด โชคดีไม่ไหลลงคอ ท่ามกลางเสียงผู้บริโภครายอื่นๆ ที่เข้ามาวิพากษ์วิจารณ์ว่าเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมาแล้วเยอะมาก ชาวเน็ตต่างก็เข้ามาแสดงความคิดเห็นสนับสนุนให้เจ้าของโพสต์ดำเนินการฟ้องร้อง หรือแจ้งไปที่บริษัทต้องรับผิดชอบ บ้างก็ว่าเป็นเรื่องที่อันตรายมากๆ เพราะเมนูที่เจ้าของโพสต์สั่ง ก็เป็นหนึ่งในเมนูโปรดของเด็กๆ ด้วย ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้กับเด็กเล็ก อันตรายมากทีเดียว

ชาวเน็ตก็พากันเมนต์ว่า ...รอบที่เท่าไหร่แล้ว หลายครั้งแล้วนะเค้าไม่พัฒนาหน่อยหรอ, เกิดแล้ว เกิดอีก ทำไมไม่แก้ไขซะที! ...แล้วก็เกิดเหตุซ้ำๆ ซาก จนมีผู้เสียหายหลายเคสมาร้องเรียนกับ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เพื่อให้ช่วยเรียกร้องค่าเสียหาย

โดยรายนี้ได้รับบาดเจ็บจากเศษใบมีด เหตุเกิด 15 ม.ค. 67 เจ้าของเรื่องเล่าว่า วันนั้นกดเมนูโกโก้ปั่นจากตู้เต่าบิน เมื่อได้รับเครื่องดื่ม พบว่ามีรอยขาดที่ข้างแก้วเล็กน้อย แต่ไม่คาดคิดว่าจะมีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในแก้ว จึงยกขึ้นดื่มทันที เมื่อน้ำใกล้หมด จึงเทน้ำแข็งมาเคี้ยว เท่านั้นละ ! เกิดอาการแสบลิ้น, เจ็บแสบบริเวณฟันกับเหงือก เหมือนมีของแข็งแหลมๆ ทิ่มแทงในช่องปาก เมื่อบ้วนน้ำออกมา จึงพบตัวการ มันคือ "ใบมีด" ที่เป็นชิ้นส่วนเศษเล็กๆ โชคดีมากที่ไม่ได้กลืนลงคอ! หลังเกิดเหตุ ได้รีบติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าของเต่าบินทันที ทางนั้นแนะนำให้ไปหาหมอตรวจอาการ แต่ขอให้สำรองเงินจ่ายไปก่อน แล้วค่อยคุยรายละเอียดอื่นๆ เพิ่มเติม จากที่แพทย์ ตรวจอาการ พบที่ลิ้นมีบาดแผลเป็นรอยถลอก แต่ตัวเองรู้สึกระคายเคืองเจ็บจี๊ดที่ฟันและเหงือก จึงขอให้หมอตรวจดูแต่ไม่พบรอยแผล จากนั้นถูกส่งตัวไป X-Ray เพื่อตรวจหาเศษใบมีดหรือโลหะแปลกปลอมที่อาจหลุดรอดเข้าสู่ระบบย่อยอาหาร โชคดีอีกเช่นกันที่ไม่พบสิ่งแปลกปลอม แพทย์จึงให้เฝ้าระวังสังเกตอาการ หากพบความผิดปกติให้รีบมาโรงพยาบาล ทันที เมื่อติดต่อไปทางบริษัทให้รับผิดชอบค่าเสียหาย กลับได้รับชดเชยแค่ 5,000 บาท จึงปฏิเสธ เพราะเป็นจำนวนเงินที่ไม่เป็นธรรม ในฐานะหัวหน้าครอบครัวที่มีหน้าที่การงานที่ดีและมั่นคง แต่กลับต้องมาเจอเหตุการณ์จนอาจได้รับบาดเจ็บรุนแรงหรืออาจถึงขั้นเสียชีวิตหากกลืนของมีคมลงไป เบื้องต้นมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เป็นคนกลางนัด 2 ฝ่ายมาเจรจาไกล่เกลี่ย แต่ตกลงกันไม่ได้ สุดท้าย ผู้เสียหายตัดสินใจยื่นฟ้องทางแพ่ง

อีกตัวอย่างเคสมาร้องเรียน กับ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค (5 พ.ค. 67) ว่าไปกดเครื่องดื่มจากตู้เต่าบิน เอามาให้ลูกชายวัย2ขวบดื่ม แต่ต้องช็อกเพราะเจอใบมีดในแก้ว โชคดีที่ตรวจสอบก่อน เพราะเจอข่าวบ่อยๆ จึงยังไม่มีใครดื่ม แต่เราไม่ปล่อยเรื่องให้ผ่านไปเฉยๆ จึงได้แจ้งให้บริษัทรับทราบเพื่อรับผิดชอบ โดยสิ่งที่ได้รับกลับมาคือ คำขอโทษและโค้ดส่วนลดเครื่องดื่ม แต่สำหรับเราในฐานะผู้บริโภคที่เสียหายและอาจเกิดอันตราย จึงขอปรึกษามูลนิธิเพื่อผู้บริโภคว่า จะร้องเรียนอย่างไรได้บ้าง เพราะต้องการให้ทางบริษัทฯ ชดใช้เยียวยา

จากเคสนี้ เจ้าหน้าที่ฝ่ายพิทักษ์สิทธิ์ แนะว่า หากมีอาการบาดเจ็บ จากเครื่องดื่มที่มีใบมีดอยู่ในแก้ว ขอให้รีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจและรักษาตามอาการ โดยสามารถใช้บิลค่ารักษาพยาบาลและใบรับรองแพทย์เป็นหลักฐานในการเรียกร้องค่าเสียหายและหากมีค่าใช้จ่าย อื่นๆ เช่น ค่าเดินทาง ค่าดูแลในระหว่างการรักษาพยาบาล และมีหลักฐานการชำระเงินโดยชัดเจน สามารถใช้เป็นค่าเสียหายทดแทนที่สามารถเรียกร้องกับบริษัทฯ ได้เช่นกัน นอกจากนี้ผู้เสียหายสามารถแจ้งร้องเรียนไปที่บริษัทฯ เพื่อขอให้ปรับปรุงการให้บริการและตรวจสอบตู้จำหน่ายเครื่องดื่ม หากไม่สะดวกสามารถแจ้งให้มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคช่วยดำเนินการ

ส่วนเคสที่มีผู้บริโภคมาร้องเรียนเรื่องเจอใบมีดในเครื่องดื่มที่กดจากตู้เต่าบินที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค #กระทั่งถึงขั้นตอนเจรจาไกล่เกลี่ยของทั้งผู้เสียหายและปู้ประกอบการ โดยมีหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายพิทักษ์สิทธิ์เป็นคนกลาง ตอนนั้น ทางบริษัทเต่าบิน เคยแจ้งว่า จะดำเนินการเปลี่ยนใบมีดเป็นรูปแบบใหม่ที่มีความทนต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของเครื่องดื่มที่มีทั้งร้อน ทั้งเย็น จนทำให้ใบมีดเกิดการแตกหักทั้งหมด แต่หลังจากการเจรจา ก็ยังพบการร้องเรียน ดังนั้น ทางมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค จึงต้องการขอทราบมาตรการที่ชัดเจนของบริษัทฯ ในการป้องกันเหตุที่จะเกิดขึ้นนี้ในอนาคต และการเยียวยา ให้กับผู้เสียหาย

และนี่เป็นเคสเมื่อ 5 กรกฏาคม 2566 เหตุการณ์ ที่ ไม่เคยคาดคิดมาก่อน #เตือนภัย

ขอบคุณเครดิตเรื่องและภาพจาก กลุ่มพวกเราคือผู้บริโภค

วันนี้ ขับรถไปทำงาน แถวชลบุรี จากที่จอดปั๊มนี้บ่อยมาก ไม่เคยคิดที่อยากจะกิน แต่พอวันนี้ นึกอยากจะกินขึ้นมา เลยไปกดมา 1 แก้ว #เมนูโกโก้โอวัลตินปั่น ประจวบเหมาะกับที่ตู้หลอดหมดด้วย เลยไม่ได้ใช้หลอดในการกิน ขับรถไปยกดื่มไป พอกลับมาถึงที่ทำงาน กำลังจะยกดื่มอีกรอบ ถึงกับตกใจ เมื่อเจอ #ใบพัด ที่ใช้ปั่นในแก้วเครื่องดื่ม ได้ทักไปทางเพจของผู้ให้บริการ ได้คำตอบแบบที่ทุกคนก็รู้คือ คำว่า #ขอโทษ #และจะแก้ไข และส่งโค้ด เครื่องดื่มฟรีมาให้ แต่…. เรามานั่งคิดว่า ถ้าเรากลืนมันเข้าไปล่ะ จะเป็นยังไง ทางผมไม่ได้อยากที่จะฟ้องร้องหรือเรียกค่าเสียหายใดๆ ครับ เพียงแค่อยากจะเตือนผู้บริโภคให้ระมัดระวัง เรื่องพวกนี้ให้มากขึ้นครับ และก็อยากให้มีการตรวจสอบเครื่องที่ให้บริการแบบนี้ ให้ได้มาตรฐานมากกว่านี้ครับ ยิ่งเป็นเครื่องที่ให้บริการเรื่องการบริโภคแบบนี้ ควรจะต้องตรวจเช็ค ตรวจสอบ ให้ละเอียดกว่านี้ครับ เพื่อลดโอกาสที่จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้บริโภคในอนาคตครับ

เจอสิ่งแปลกปลอมในอาหารผู้บริโภคต้องเรียกร้องสิทธิ! ไม่ใช่แค่เศษใบมีดจากตู้เต่าบิน ยังมีสารพัดสิ่งแปลกปลอมที่ปนเปื้อนมาในอาหาร ต้นเหตุที่อาจเกิดจากความสะเพร่าของผู้ประกอบการหลายรายที่ทำกันเหมือนเป็นเรื่องปกติ! แต่สิ่งสำคัญที่ยังทำให้เหตุการณ์แบบนี้ยังคงอยู่ เกิดจาก ผู้บริโภค นั่นแหละ ที่ไม่รักษาสิทธิตัวเอง บางคนบอก ช่างมันเหอะ ถือว่าฟาดเคราะห์ หรือ บ่นทางโซเชียล ก็พอ เพราะเมื่อเจอเหตุแบบนี้ก็มักละเลยในการเรียกร้องการชดเชยความเสียหาย จึงทำให้มีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า บางคนก็ทำแค่เอามาโพสต์ลงโซเชียล

เมื่อผู้บริโภคไม่ละเลยสิทธิตัวเอง ย่อมได้สิทธินั้นกลับคืน...ว่าแต่จะไปร้องกับใครดีหว่า ….บ่อยครั้งที่มีเหตุการณ์แบบนี้ สิ่งที่ผู้ประกอบการปฏิบัติ ส่วนมากมักทำแค่ กล่าวคำขอโทษ แล้วเปลี่ยนสินค้า ให้สิทธิกินฟรีอีกครั้ง แต่ในฐานะผู้บริโภค ต้องทำให้เกิดการแก้ไขเยียวยามากกว่าคำขอโทษและอาหารหนึ่งมื้อ? หรือเกิดนโยบายเพื่อคุ้มครองผู้บริโภค เพราะฉะนั้นการลุกขึ้นมาใช้สิทธิในฐานะผู้บริโภค ถือว่ายอดเยี่ยมที่สุด นอกจากร้องเรียนที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ยังมีข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง นั่นคือ #พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 มาตรา 3 บัญญัติไว้ชัดเจนว่า "ผู้บริโภค หมายความว่า ผู้ซื้อหรือผู้ได้รับบริการจากผู้ประกอบธุรกิจ หรือผู้ซื้อได้รับการเสนอ หรือการชักชวนจากผู้ประกอบธุรกิจเพื่อให้ซื้อสินค้าหรือรับบริการ และหมายความรวมถึงผู้ใช้สินค้าหรือผู้ได้รับบริการจากผู้ประกอบธุรกิจโดยชอบ แม้มิได้เป็นผู้เสียค่าตอบแทนก็ตาม และมาตรา 4 ผู้บริโภคมีสิทธิได้รับความคุ้มครองดังต่อไปนี้

สิทธิที่จะได้รับความปลอดภัยจากการใช้สินค้าหรือบริการ, ส่วนผู้ประกอบธุรกิจ หมายความว่า ผู้ขาย ผู้ผลิตเพื่อขาย ผู้สั่งหรือผู้นำเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อขายหรือผู้ซื้อเพื่อขายต่อซึ่งสินค้า หรือผู้ให้บริการ และหมายความรวมถึงผู้ประกอบกิจการโฆษณาด้วย

ส่วน #ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่านว่าผู้นั้นทำละเมิดจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น และ พระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 มาตรา 4 บัญญัติ คำว่า “อาหาร” หมายความว่า ของกินหรือเครื่องค่ำจุนชีวิต ได้แก่ วัตถุทุกชนิดที่คนกิน ดื่ม อม หรือนำเข้าสู่ร่างกายไม่ว่าด้วยวิธีใดๆ หรือในรูปลักษณะใดๆ แต่ไม่รวมถึงยาวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท หรือยาเสพติดให้โทษ ตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น แล้วแต่กรณี, มาตรา 25 (1) ห้ามมิให้ผู้ใดผลิต นำเข้าเพื่อจำหน่าย หรือจำหน่าย ซึ่งอาหารดังต่อไปนี้ อาหารไม่บริสุทธิ์ มาตรา 58 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา มาตรา 25 (1) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ขอเตือนไว้เลยนะ หลักฐานสำคัญห้ามทิ้งเด็ดขาด “หลักฐานตัวจริงทั้งหมดให้เก็บไว้ที่ตนเอง ห้ามให้หน่วยงานหรือผู้ประกอบการโดยเด็ดขาด “เอาละเมื่อพร้อมก็จัดการได้เลย! สำหรับผู้บริโภคที่ต้องการปรึกษา ร้องเรียน สามารถติดต่อได้ที่ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค 4/2 ซ.วัฒนโยธิน แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400, โทรศัพท์ 02 248 3734 ถึง 37, แฟกซ์ 02 248 3733, อีเมล complaint@consumerthai.org.