องค์กรผู้บริโภค ผนึกกำลังภาครัฐ เดินหน้าสร้างความเข้มแข็งคุ้มครองผู้บริโภค

เมื่อ วันที่ 7 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค , เครือข่ายองค์กรผู้บริโภค และสภาองค์กรของผู้บริโภค ร่วมกับ สำนักกฎหมายและระเบียบกลาง สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.)ได้จัดงานสัมมนารับฟังความคิดเห็นการแก้ไข เพิ่มเติมประกาศนายทะเบียนกลาง เรื่อง การกำหนดแบบและวิธีการแจ้งสถานะความเป็นองค์กรของผู้บริโภค พ.ศ. ... (ฉบับใหม่) ขึ้น

นางสาว กชนุช แสงแถลง ผู้อำนวยการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ในฐานะหัวหน้าหน่วยงานประจำจังหวัดกรุงเทพมหานคร สภาองค์กรของผู้บริโภค กล่าวถึงความเป็นมาและวัตถุประสงค์ของการจัดสัมมนาในครั้งนี้ ว่าเกิดจากการที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค และเครือข่ายองค์กรผู้บริโภค กรุงเทพฯ ได้เข้าพบผู้ตรวจราชการ สำนักนายกรัฐมนตรี นายพิฆเนศ ต๊ะปวง ในฐานะนายทะเบียนกลาง เพื่อนำเสนอสถานการณ์การทำงานคุ้มครองผู้บริโภคและการจดแจ้งสถานะความเป็นองค์กรของเครือข่ายองค์กรผู้บริโภคในกรุงเทพฯ ทำให้ทราบว่า สำนักกฎหมายและระเบียบกลาง สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) กำลังยกร่างแก้ไข เพิ่มเติมประกาศนายทะเบียนกลาง เรื่อง การกำหนดแบบและวิธีการแจ้งสถานะ และเตรียมเปิดรับฟังความคิดเห็น จึงได้ปรึกษาหารือและมีความเห็นร่วมกัน ในการจัดสัมมนาในครั้งนี้ เพื่อให้องค์กรผู้บริโภคได้รับรู้ ทำความเข้าใจ และร่วมให้ความเห็น ต่อร่างแก้ไขเพิ่มเติมประกาศนายทะเบียนกลาง ซึ่งสำนักกฎหมายและระเบียบกลาง สปน. เป็นผู้นำเสนอสาระสำคัญ โดยจัดในรูปแบบ Hybrid Meeting คือทั้ง On-Site ที่ สำนักงานมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค (มพบ.) ซึ่งมีผู้เข้าร่วมจากองค์กรผู้บริโภคในกรุงเทพฯ และ Online ทาง Zoom สำหรับเครือข่ายองค์กรผู้บริโภคในส่วนภูมิภาค ทั่วประเทศ โดยมีการถ่ายทอดสดผ่าน Facebook Live ทางเพจ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค (มพบ.) และเพจ สภาองค์กรของผู้บริโภค

ด้าน นางสาว วีราภรณ์ ชินวงศ์ สำนักกฎหมายและระเบียบกลาง สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงถึงเหตุผลในการแก้ไขปรับปรุงรูปแบบและวิธีการแจ้งสถานะ ว่า ในช่วงที่ผ่านมา มีองค์กรของผู้บริโภคที่ได้รับการแจ้งสถานะความเป็นองค์กรของผู้บริโภค หรือ อกผ.3 ได้ส่งหนังสือมาขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูลองค์กรเป็นจำนวนมาก ประกอบกับ พรบ. การปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2565 ประกาศใช้บังคับ ซึ่งได้กำหนดให้หน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่ปฏิบัติราชการในงานการขออนุญาต จะต้องดำเนินการตาม พรบ. ดังกล่าว เพื่อให้ข้อมูลขององค์กรของผู้บริโภคที่ได้รับการประกาศ (แบบ อกผ. 3 ) ถูกต้องและเป็นปัจจุบัน สอดคล้องกับ พรบ. การปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2565 อีกทั้งเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่องค์กรผู้บริโภคในการยื่นผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ จึงสมควรให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมประกาศนายทะเบียนกลาง เรื่อง การกำหนดแบบและวิธีการแจ้งสถานะความเป็นองค์กรของผู้บริโภค พ.ศ. 2562 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยยกเลิกฉบับเก่าทั้งหมด และยกร่างใหม่เป็นประกาศนายทะเบียนกลาง เรื่อง การกำหนดแบบและวิธีการแจ้งสถานะความเป็นองค์กรของผู้บริโภค พ.ศ. .... ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเปิดรับฟังความเห็น เมื่อได้ข้อยุติจะมีการประกาศระเบียบใหม่ อย่างเป็นทางการต่อไป โดยประชาชนที่สนใจ สามารถร่วมตอบแบบสำรวจผ่าน ลิงก์ นี้ link title

โอกาสนี้ นาย พิฆเนศ ต๊ะปวง ผู้ตรวจราชการ สำนักนายกรัฐมนตรี ได้บรรยายพิเศษเรื่อง “ความเข้มแข็งและสถานะความเป็นองค์กรผู้บริโภค สำคัญอย่างไรต่องานคุ้มครองผู้บริโภค “ โดยกล่าวว่า ความเข้มแข็งคือพลัง ความเข้มแข็งของผู้บริโภค เป็นจุดเริ่มต้นของการมีพลัง เมื่อมีการรวมตัวกันเข้าสู่สถานะความเป็นองค์กร ก็จะมีพลังเพิ่มขึ้น หากรวมตัวกันหลาย ๆ องค์กร มีความร่วมมือกัน ก็จะยิ่งมีพลังเพิ่มมากขึ้น ซึ่งขณะนี้ มีสภาองค์กรของผู้บริโภค ที่เกิดจากการรวมตัวกันขององค์กรผู้บริโภคที่ผ่านการรับรองสถานะ (อกผ.3) จากนายทะเบียนกลาง ที่พยายามสร้างกติกาให้ง่าย สะดวก ไม่เป็นภาระให้กับองค์กรผู้บริโภค และไม่อยากให้มีการร้องเรียนคุณสมบัติองค์กรในภายหลัง ซึ่งจนถึงปัจจุบันมีจำนวนองค์กรผู้บริโภคที่ผ่านการรับรองสถานะ (อกผ.3) แล้วรวม 321 องค์กร และเพื่อให้สภาองค์กรของผู้บริโภค สามารถดำเนินงานคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิ์ผู้บริโภคตามแผนการปฏิบัติงาน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้จ่ายเงินอุดหนุนให้กับสภาองค์กรของผู้บริโภค ตามแผนการใช้จ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี ที่เสนอต่อสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ดังนั้น สิ่งที่อยากเห็น คือ การทำให้เกิดความเข้มแข็งของผู้บริโภค สร้างความเข้มแข็งขององค์กรผู้บริโภค ไม่อยากเห็นผู้บริโภคเดือดร้อน ต้องออกมาเรียกร้อง โดยที่สภาองค์กรของผู้บริโภค สามารถรับมือกับผู้ประกอบการ องค์กรและกลุ่มของผู้ประกอบการได้ ในส่วนของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้มีแนวทางการดำเนินงาน 3 เรื่อง คือ 1) พัฒนาระบบเว็บไซต์ และเชื่อมโยงฐานข้อมูลจังหวัด และสภาองค์กรของผู้บริโภค และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อการรับแจ้งสถานะ ตรวจสอบ และการประชาสัมพันธ์ 2) จัดประชุมหารือแลกเปลี่ยนการดำเนินงานกับสภาองค์กรของผู้บริโภคทุกไตรมาส และ 3) รวบรวมศึกษาวิเคราะห์ ปัญหาอุปสรรคการดำเนินการ เพื่อปรับปรุงกฎหมาย ระเบียบ ประกาศ ที่เกี่ยวข้อง