มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค
ให้คำปรึกษาผ่านโทรศัพท์ 02 248 3737
ให้คำปรึกษาผ่านโทรศัพท์
Consumer Thai Facebook page

< กลับไปหน้ารวมข่าว

ยกระดับตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญให้ปลอดภัย

เขียนโดย: มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค

เขียนเมื่อ: 06-08-2025 12:33

หมวดหมู่: สินค้าและบริการทั่วไป

ภาพประกอบข่าว

มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคและเครือข่ายผู้บริโภค ร่วมมือหลายหน่วยงานรัฐ ยกระดับตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญให้ปลอดภัย

วานนี้ 5 ส.ค. 2568 มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคจัดประชุมติดตามความคืบหน้าแนวทางการดูแลและควบคุมคุณภาพ ตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญ โดยได้รับความร่วมมือจากหลายหน่วยงานเข้าร่วมการประชุมและกำหนดแนวทางการทำงานร่วมกันทั้ง สำนักสุขาภิบาล กรมอนามัย สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค นักวิชาการจากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม สภาองค์กรของผู้บริโภค สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร และตัวแทนเครือข่ายองค์กรของผู้บริโภคทั้ง 50 เขตในพื้นที่กรุงเทพฯ

ความร่วมมือครั้งนี้ เกิดขึ้นภายหลัง มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคและเครือข่ายองค์กรของผู้บริโภคได้ขับเคลื่อนให้ตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญมีคุณภาพที่ปลอดภัยมาตั้งแต่ปี 2559 และได้ทำการสำรวจคุณภาพของตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญ ในพื้นที่กรุงเทพมหานครมาแล้วถึง 3 ครั้งคือในปี 2559, 2565 และ 2566 และพบว่าตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญกว่าร้อยละ 90 ไม่ได้รับใบอนุญาต อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

นฤมล เมฆบริสุทธิ์ รองผู้อำนวยการมูลนิธิเพื่ผู้บริโภค กล่าวว่า ปลายปี 2567 มูลนิธิฯ ได้จัดทำงานวิจัยศึกษากฎหมายการควบคุมตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญอัตโนมัติฯ และวันที่ 27 ก.พ.68 มูลนิธิฯ ได้จัดประชุมเพื่อหารือแนวทางร่วมกับผู้ประกอบการ เจ้าของธุรกิจตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมหลายหน่วยงาน และเมื่อวันที่ 21 มี.ค.ที่ผ่านมาที่มูลนิธิฯ ได้จัดเวทีนำเสนอผลการศึกษาโครงการวิจัยฯ เพื่อสร้างความร่วมมือหน่วยงานรัฐ ครั้งนี้เป็นการจัดต่อเนื่องจากโดยที่ผ่านมา มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคไม่ได้หยุดนิ่งในการขับเคลื่อนให้ตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญมีคุณภาพที่ปลอดภัย เพราะประชาชนยังเสี่ยงอันตรายทางสุขภาพทุกวัน ทั้งที่คุณภาพของน้ำดื่มจากตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญต้องเทียบเท่าน้ำดื่มบรรจุขวดที่ปิดสนิท

“การทำงานศึกษาวิจัยของมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ในปี 2567 เรื่องกฎหมายการควบคุมตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญอัตโนมัติเพื่อการคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภคในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดย คณะผู้วิจัย ผู้ช่วยศาสตราจาร์ ดร.เอมผกา เตชะอภัยคุณ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เราพบปัญหาที่ซับซ้อนอย่างมาก เพราะมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องมาก แต่ยังไม่มีการกำกับดูแลที่ชัดเจน ยังไม่มีการบูรณาการกัน การติดตั้งตู้น้ำดื่มยังมีความซับซ้อน หลากหลาย ในวันนี้เราจึงชวนหลายหน่วยงานมาพูดคุยกันว่าแต่ละหน่วยงานกำลังดำเนินการในเรื่องใดอยู่ เราหวังเห็นความร่วมมือ ไม่ใช่เป็นการเพิ่มภาระงาน แต่มาดูว่าเราจะช่วยกันได้อย่างไรบ้าง เพราะที่ผ่านมา มูลนิธิฯ ได้มี มพบ. มีร่างข้อบัญญัติ กทม.เรื่องการควบคุมกิจการผลิตน้ำดื่มจากเครื่องจำหน่ายน้ำดื่มอัตโนมัติฯ และได้ยื่นต่อผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครแล้ว แต่สถานการณ์วันนี้ยังไม่ชัดเจนว่าจะมีแนวทางไปข้างหน้าอย่างไร วันนี้เราจึงชวนมาหารือว่า การจัดการตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญที่มีคุณภาพ ปลอดภัยกับประชาชน การจัดการควรจะเป็นแบบไหน และหากวันนี้เราจะมีข้อบัญญัติเฉพาะเพื่อกำกับ ดูแล ตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญ พอจะเป็นไปได้หรือไม่ ”

เมธาวี ธารดำรงค์ สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ปัจจุบันกรุงเทพมหานครมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการประกอบกิจการ ผลิตน้ำดื่มจากเครื่องจำหน่ายอัตโนมัติ คือ ข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง กิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ พ.ศ. 2561 กฎกระทรวงควบคุมสถานประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ พ.ศ. 2560 และประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่ 362 พ.ศ. 2556 ที่กำหนดให้น้ำบริโภคจากตู้น้ำดื่มอัตโนมัติ ต้องมีคุณภาพเทียบเท่าน้ำบริโภคในขวดปิดสนิท

“ส่วนของข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร ไม่มีการกำหนดโทษเพราะโทษต้องเป็นไปตาม พ.ร.บ.สาธารณสุข พ.ศ. 2535 ส่วนของประกาศกระทรวงสาธารณสุข ปัจจุบันกำลังจัดทำฉบับใหม่ หากประกาศใช้เราเชื่อว่าจะยิ่งเข้มงวดมากกว่าเดิม ประชาชนจะปลอดภัยมากขึ้นแน่นอน”

“การดำเนินการของกรุงเทพมหานครที่เราทำมาต่อเนื่องคือ สำนักอนามัยจะร่วมกับสำนักงานเขตตรวจตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญเป็นประจำทุกปี ปีละ 3 ครั้ง ข้อมูลปัจจุบันของ กทม. คือเรามีตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญ จำนวน 2,735 แห่ง โดยการตรวจของ กทม.เป็นการสุ่มตรวจ เราไม่สามารถตรวจได้ทั้งหมด เพราะเรามีข้อจำกัดด้านห้องแล็บ ถ้าลงตรวจแล้วตู้น้ำที่ไม่ผ่านเกณฑ์ สำนักงานเขตจะแจ้งให้ผู้ประกอบกิจการทำความสะอาดและลงตรวจอีกครั้ง ส่วนตู้ที่ไม่มีใบอนุญาตก็จะติดตามให้มีการมาขอขึ้นทะเบียนให้ถูกต้อง”

“การร้องเรียนเรื่องตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญไม่ปลอดภัย ประชาชนเสนอเข้ามาได้ แต่อยากให้มีหลักฐานระบุพิกัด ตำแหน่งที่ชัดเจน โดยประชาชนที่มีความเป็นห่วงว่าตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญในชุมชนที่ท่านใช้จะไม่ปลอดภัย เราอยากให้ชุมชน เข้าไปพูดคุยกับผู้อำนวยการสำนักงานเขตเยอะๆ เพราะมีการประชุมร่วมกับ ประธานชุมชนทุกเดือนและผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้สื่อสารถึงผู้อำนวยการเขตอยู่เสมอให้ตระหนักถึงความสำคัญ และลงตรวจอยู่เสมอ”

ปฐมพงศ์ เจียมอุดมสิน ประธานสภาองค์กรผู้บริโภคกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า การพูดคุยหารือในวันนี้ ได้เห็นว่า หลายหน่วยงานไม่ได้หยุดนิ่ง และมีการทำงานที่รุดหน้าไปมาก โดยเฉพาะความร่วมมือของกรุงเทพมหานครที่มีกับองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศเยอรมัน (GIZ) ที่ทำให้มีการพัฒนาระบบสารสนเทศหลายเรื่องทั้งแผนที่ตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญให้เป็นสาธารณะ การจัดทำคู่มือตรวจสอบน้ำดื่มสำหรับประชาชน ระบบฐานข้อมูลกลางเพื่อติดตามตรวจสอบคุณภาพน้ำ และสติ๊กเกอร์ที่ตรวจสอบคุณภาพตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญ จึงอยากให้กรุงเทพมหานครสื่อสารงานเหล่านี้ให้ประชาชนได้รับทราบให้มากขึ้น เพื่อเป็นประโยชน์ต่อประชนในการพิจารณาเลือกบริโภคน้ำจากตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญที่ปลอดภัย

สุรเชษฐ์ บัวผัน นักวิชาการสาธารณสุข กรมอนามัย กล่าวย้ำว่า คุณภาพน้ำที่ออกจากตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการตรวจวิเคราะห์จากห้องปฏิบัติ ไม่ใช่เพียงการตรวจจากสภาพตู้ภายนอกเท่านั้น นอกจากนี้ยังได้รายงานว่าปัจจุบัน กรมอนามัยกำลังอยู่ระหว่างการกลั่นกรอง ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องหลักเกณฑ์ มาตรการควบคุมการประกอบกิจการผลิตน้ำดื่มจากเครื่องจำหน่ายอัตโนมัติ พ.ศ... โดยเชื่อว่าจะประกาศใช้ในระยะไม่นานนี้ และเป็นความหวังที่จะช่วยยกระดับน้ำดื่มจากตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญให้ปลอดภัยมากขึ้น

นฤมล เมฆบริสุทธิ์ รองผู้อำนวยการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า วันนี้ได้รับทราบว่า ตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญเป็นสินค้าควบคุมฉลากตามประกาศของ สคบ. ผู้ประกอบการต้องแสดงฉลากที่ติดไว้ด้านหน้าตู้ โดยระบุรายละเอียดต่างๆ เพื่อให้ผู้บริโภคทราบข้อมูลและสามารถตรวจสอบคุณภาพน้ำ โดยหากไม่มีการดำเนินการดังกล่าวมีโทษปรับถึง 200,000 บาท และความคืบหน้าจากการขับเคลื่อนงานในครั้งนี้กระทรวงมีการแก้ไข ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง หลักเกณฑ์ มาตรการควบคุมการประกอบกิจการผลิตน้ำดื่มจากเครื่องจำหน่ายอัตโนมัติ พ.ศ.... ซึ่งจะเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนในช่วงเดือนกันยายน 68

และหลังจากนี้จะส่งข้อมูลผลการสำรวจคุณภาพตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญที่มูลนิธิฯ ได้ทำมาอย่างต่อเนื่องให้กับสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร และ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค โดยการสำรวจที่ผ่านมาทุกครั้งมี พิกัด ตำแหน่งที่ตั้งชัดเจน จึงเชื่อว่าข้อมูลจะสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลง ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สามารถติดตามตรวจสอบต่อไปได้


ปรึกษา ร้องเรียน
สอบถามเพิ่มเติม