มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค
ให้คำปรึกษาผ่านโทรศัพท์ 02 248 3737
ให้คำปรึกษาผ่านโทรศัพท์
Consumer Thai Facebook page

< กลับไปหน้ารวมข่าว

“รถน้อย คอยนาน ค่าโดยสารแพง รถเมล์แดงแทบร้าง” ผลพวงปฎิรูปรถเมล์ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค อาสาประกาศเป็นแกนนำ เปิดโพลให้ผู้ให้โดยสารแจ้งความเดือดร้อน ส่งถึงกรมการขนส่งทางบก ที่เป็นต้นคิด

เขียนโดย: มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค

เขียนเมื่อ: 10-10-2024 20:19

หมวดหมู่: บริการขนส่งและยานพาหนะ

ภาพประกอบข่าว ภาพประกอบข่าว

นับตั้งแต่เดือนกรกฏาคม 2567 ที่กรมการขนส่งทางบก เริ่มบังคับใช้แผนปฏิรูปรถเมล์ 269 เส้นทาง ขสมก. ได้รับใบอนุญาต 107 เส้นทาง, ไทยสมายล์ บัส บริษัทเอกชนเจ้าใหญ่ ที่เน้นให้บริการรถเมล์ไฟฟ้า (EV) ได้ไป 123 เส้นทาง , ที่เหลือเป็นเอกชนรายย่อยอีก 5-6 บริษัท แต่จากแผนปฏิรูปทำประชาชนเดือดร้อนหนัก เพราะได้รับผลกระทบจากการที่รถขาดระยะ รถน้อยคอยนาน มีรถวิ่งบริการไม่เพียงพอเกือบทุกเส้นทาง เกิดความยากลำบากในการเดินทาง ถึงแม้ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ร่วมกับองค์กรเครือข่าย ยื่นหนังสือถึงกรมการขนส่งทางบก เมื่อวันที่ 3 กันยายนที่ผ่านมา เพื่อเรียกร้องให้แก้ไข แต่...ปัญหากลับหนักกว่าเดิม!

เพราะนอกจากปัญหา รถน้อย คอยนาน ค่าโดยสารแพง รถเมล์แดงแทบร้าง ยังมีอีกสารพัดปัญหาที่ได้รับการร้องเรียนจากผู้โดยสาร ดังนั้น วันนี้ ( 10 ต.ค. ) มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ได้จัดแถลงข่าว “ความร่วมมือแก้ปัญหาการปฏิรูปเส้นทางและความปลอดภัยของรถโดยสารสาธารณะในกรุงเทพฯ” โดยมีตัวแทน ขสกม. รวมถึง เครือข่ายเพจรถเมล์ไทย ร่วมด้วย แต่เป็นที่น่าเสียดาย กรมการขนส่งทางบก กับ ไทยสมายล์ บัส ตอบกลับไม่สะดวกเข้าร่วม

นฤมล เมฆบริสุทธิ์ รองผู้อำนวยการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค บอกว่า จนถึงเวลานี้ยังมีผู้โดยสารมาร้องเรียนเรื่อง รถน้อย คอยนาน บางเส้นทางรถไม่มีแล้วแต่ประชาชนกลับไม่ได้รับรู้ ปัญหาเกิดจากรถไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่ หลายเส้นทางยังไม่มีผู้ประกอบการ บางเส้นทางถูกตัดออกไปเลย ปัจจุบันก็ยังไม่มีรถ ที่สำคัญค่าโดยสารยังสูงขึ้น 2-3 เท่า ประชาชนต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายที่มากขึ้น เมื่อรอรถเมล์นานจนไม่เห็นอนาคตจะมาเมื่อไหร่ ทำให้บางคนต้องตัดใจยอมไปขึ้นขนส่งสาธารณะอื่นๆที่ราคาแพง ส่วนรถเมล์แดงที่เป็นรถร้อน 8 บาท แต่หลังปฏิรูปแทบหารถร้อนไม่เจอบนท้องถนน เพราะมีแต่รถเมล์แอร์เริ่มต้น 15 – 25 บาท อีกทั้งการเปลี่ยนเลขสายรถเมล์ก็ยังทำให้ประชาชนสับสน ยังมีปัญหาประชาชนที่ได้รับสิทธิจากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ การลดราคาในกลุ่มผู้สูงวัยต้องได้รับสิทธิในบริการของรถเอกชนด้วย ต้องเชื่อมต่อกันทั้งหมดซึ่งตอนนี้ประชาชนยังถูกลิดรอนสิทธินี้อยู่ โดยรวมแล้วการให้บริการแบบ 1 เส้นทาง 1 ผู้ประกอบการ ตามแผนปฏิรูป ทำให้มีรถไม่เพียงพอ ประเมินความต้องการใช้ของประชาชนไม่ได้จริง

การปฎิรูปรถเมล์ของกรมการขนส่งทางบก สร้างปัญหา ‘รถน้อย คอยนาน จ่ายแพง นั่งหลายต่อ แถม ไม่สนใจความทุกข์ร้อนของประชาชน “ นี่เป็นประเด็นที่ นายอภิสิทธิ์ มานตรี เครือข่ายเพจรถเมล์ไทย( Rotmaethai ) ชี้ให้เห็นผลกระทบปฏิรูปรถเมล์ยังไงให้ประชาชนเดือดร้อน มันแย่ลงยิ่งกว่าเดิม ถึงแม้จะมีเส้นทางใหม่ๆ แต่ผู้ประกอบการรายใหม่และเป็นรายใหญ่ที่สุด คือ ไทยสมายล์ บัส ที่ได้ใบอนุญาตวิ่งมาถึง 123 เส้นทาง กลับพบว่า มีเกือบ 10 สาย ที่มีรถวิ่งบริการแค่ 1 คันต่อวัน วิ่งวนอยู่อย่างนั้น ข้อมูลนี้เป็นสถิติเอกสารอยู่ในมือ ที่ได้จากการทำงานกับเครือข่ายของเพจรถเมล์ไทย ถามว่า ทำไมต้องให้ผู้โดยสารมารอรถเมล์แบบไม่รู้อนาคตแบบนี้ อีกเรื่องที่แสดงถึงการเพิกเฉยสนใจความทุกข์ร้อนของประชาชน นั่นคือ รถเมล์สาย 65 ของ ขสมก.ที่มี 22 คันต้องเลิกวิ่งถาวรตามแผนปฏิรูป ตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคม ที่ผ่านมา แต่กลับให้รถเมล์สาย 30 ในโครงการปฏิรูปรถเมล์ ใช้เลขสายใหม่คือ 2-4 วิ่งในเส้นทาง "สายใต้ปิ่นเกล้า - วัดปากน้ำนนทบุรี" โดยผสมแนวเส้นทางของสาย 30 และสาย 65 เข้าด้วยกัน แต่ปัญหาคือ สาย 30 ซึ่งเป็นเส้นทางของเอกชนมีรถวิ่งเพียง 4 คัน ดังนั้น จึงได้ยื่นเรื่องต่อ กรมการขนส่งทางบก เมื่อวันที่ 3 กันยายนที่ผ่านมา ขอให้พิจารณาเพิ่มรถสาย 30 ทางนั้นรับปากจะเพิ่มเป็น 12 คัน แต่จนถึงปัจจุบัน ทีมงานเพจรถเมล์ไทยลงพื้นที่สำรวจพบการวิ่งให้บริการแค่วันละ 2 คัน ต่อวัน สูงสุดไม่เกิน 8 คัน ต่อวัน ทำให้ประชาชนเดือดร้อน จึงประสาน ขสมก. ช่วยทำหนังสือไปถึงกรมการขนส่งทางบก ขอเดินรถสาย 65 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน แต่เรื่องก็เงียบ เมื่อถามเจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบก กลับได้คำพูดที่ว่า ขสมก.ทำเยอะหลือเกิน พวกเค้าทำงานไม่ทัน ปัญหาคือ กรมการขนส่งทางบก บอก ให้เดินหน้าปฏิรูปไปก่อน มีปัญหาตรงไหน ก็ค่อยมาแก้ไขเพิ่มเติม แต่เมื่อเกิดปัญหามีข้อเสนอเรียกร้องให้แก้ไข กลับอ้างว่า “ขอมาเยอะเกิน ทำไม่ทัน“ นั่นเท่ากับ โยนภาระให้ผู้ประกอบการและประชาชนประชาชนต้องจำทนกับสภาพแบบนี้

ในส่วนความเห็นจาก **นางจำนงค์ อาจสำอางค์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารการเดินรถ ขสมก. ** ชี้แจงว่าการนำรถวิ่งให้บริการในเส้นทางปฏิรูปต้องได้รับใบอนุญาตสัมปทานเส้นทางเดินรถจากกรมการขนส่งทางบก เพราะขสมก.เป็นเพียงผู้ประกอบการเดินรถโดยสารประจำทางรายหนึ่งเท่านั้น อย่างไรก็ตามเมื่อได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้โดยสาร จึงได้ทำหนังสือไปถึงกรมการขนส่งทางบก ขอวิ่งในเส้นทางปฏิรูป 21 เส้นทาง ได้รับการอนุญาต 14 เส้นทาง ยังเหลืออยู่อีก 6 เส้นทาง ที่ต้องรอ ส่วนรถปรับอากาศสีฟ้า”บอนลัค “ (BONLUCK) 486 คัน จอดทิ้งไว้ในอู่มีนบุรี ไม่ได้ออกวิ่งตั้งแต่วันที่ 8 มีนาคม ที่ผ่านมา เพื่อรอซ่อม ล่าสุดเดือนกันยายนที่ผ่านมา ได้รับมอบรถที่ซ่อม 100 คัน จะนำไปวิ่งเส้นทางเดิมเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้โดยสารในระดับหนึ่ง ส่วนวันที่ 15 ตุลาคมนี้ จะได้รับรถที่ซ่อมอีก 280 คัน จะทำให้ขสมก.มีรถ”บอนลัค “ เข้าไปในระบบเพิ่มมากขึ้นเป็น 380 คัน

ระหว่างการแถลงข่าวมีผู้โดยสารได้แสดงความคิดเห็นอย่างน่าสนใจเกี่ยวกับแผนปฏิรูปรถเมล์ของกรมการขนส่งทางบก นายทวีชัย อนันทวณิชชยา ได้ชี้ให้เห็นว่า กรมการขนส่งทางบก ไม่เคยฟังเสียงประชาชนที่เป็นผู้ใช้บริการรถเมล์ โดยเฉพาะการให้บริการแบบ ” 1 เส้นทาง 1 ผู้ประกอบการ “ ตามแผนปฏิรูป

เห็นได้ชัดเลยว่ามันเป็นการผูกขาด หากผู้ประกอบการรายนั้นทำธุรกิจไปไม่รอด เท่ากับ ใช้ประชาชนเป็นตัวประกัน และควรมี KPI กำหนดช่วงเวลาการรอรถเมล์ต้องไม่เกินกี่นาที เพราะการปฏิรูปมันต้องดีขึ้น ฉะนั้น กรมการขนส่งทางบก ต้องลงพื้นที่สำรวจความเห็นประชาชน ในช่วง 2 เดือน หลังการปฏิรูปรถเมล์ประชาชนพึงพอใจแค่ไหน

ดังนั้น เพื่อไม่ให้เกิดการปฏิรูปแต่เพียงฝ่ายเดียว มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค จึงขอเป็นตัวกลางเชื่อมต่อเสียงของประชาชน ด้วยการเปิดโพลสำรวจ ‘ความพึงพอใจของผู้โดยสาร หลังการปรับเปลี่ยนเส้นทางเดินรถ’ เพื่อเป็นช่องทางให้ประชาชนได้สะท้อนปัญหา ความคิดเห็น ที่ลิงก์นี้ https://forms.gle/zaBqgRrX8pdLjRJU9ตั้งแต่วันที่ 11 ถึง 31 ตค.67 จากนั้น จะรวบรวมส่งตรงให้ กรมการขนส่งทางบก ได้รับรู้และต้องแก้ไข เพราะ “การปฎิรูปรถเมล์ ....กรมการขนส่งทางบก ต้องยึดหลักการ ไม่ซ้ำเติมประชาชน และ ตอบโจทย์ผู้ใช้บริการ


ปรึกษา ร้องเรียน
สอบถามเพิ่มเติม