มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค
ให้คำปรึกษาผ่านโทรศัพท์ 02 248 3737
ให้คำปรึกษาผ่านโทรศัพท์
Consumer Thai Facebook page

< กลับไปหน้ารวมข่าว

ผลทดสอบหม้อสแตนเลสผ่านมาตรฐานความปลอดภัยทุกตัวอย่าง

เขียนโดย: มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค

เขียนเมื่อ: 20-02-2025 14:35

หมวดหมู่: สินค้าและบริการทั่วไป

ภาพประกอบข่าว ภาพประกอบข่าว ภาพประกอบข่าว

ฉลาดซื้อร่วมกับสภาผู้บริโภค เผย “ผลทดสอบหม้อสแตนเลสผ่านมาตรฐานความปลอดภัยทุกตัวอย่าง” พร้อมหนุน สมอ. เตรียมยกระดับจากภาคสมัครใจเป็นมาตรฐานบังคับความปลอดภัยครอบคลุมภาชนะเหล็กกล้าและสนิมที่สัมผัสอาหารโดยตรง

วันนี้ (20 ก.พ.68 ) สภาองค์กรของผู้บริโภค ร่วมกับ นิตยสารฉลาดซื้อ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค จัดงานแถลงข่าว “ผลการทดสอบสินค้าประเภทหม้อสแตนเลส 2 หู ขนาด 14-22 เซนติเมตร โดยทดสอบตาม มอก.3206-2567 กลุ่มภาชนะและเครื่องใช้เหล็กกล้าไร้สนิมสำหรับอาหาร สุ่มเก็บตัวอย่างระหว่างวันที่ 14-21 มกราคม 2568 รวม15 ยี่ห้อ ดังนี้ ตรา ม้าลาย, ตรา Seagull, ตรา ANNONS , ตรา JMS JIA MEI SHENG, ตรา KBEAR จาก PAIQISHUN , ตรา ZHENGLI, ตรา MR DIY , ตรา RRS , ตรา SANE , ตรา KBEAR จาก KAKABEAR SHOP , ตรา SUN , ตรา Kassa Home , ตรา ME LIVING MIND, ตรา พระจันทร์ , ตรา GO GOAL มีทั้งสินค้านำเข้าจากต่างประเทศและผลิตในไทย จากร้านค้าทั่วไป รวมถึงแพลตฟอร์มออนไลน์ ( *ดูกราฟิกประกอบ )>

คุณทัศนีย์ แน่นอุดร บรรณาธิการนิตยสารฉลาดซื้อและรองผู้อำนวยการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวสรุปผลการทดสอบว่า ตัวอย่างที่นำมาทดสอบ เป็นหม้อสแตนเลส 2 หู ขนาด 14-22 ซม.โดยเก็บตัวอย่างระหว่างวันที่ 14-21 มกราคม 2568 และส่งห้องปฏิบัติการที่ได้รับการรับรองจาก สมอ. เพื่อทดสอบด้านความปลอดภัย จากโลหะหนัก 7 ชนิด ได้แก่ โครเมียม, นิกเกิล, แมงกานีส, ตะกั่ว, แคดเมียม, สารหนู และ โมลิบดินัม ตาม มอก.3206-2567 ภาชนะและเครื่องใช้เหล็กกล้าไร้สนิมสำหรับอาหาร เฉพาะด้านความปลอดภัย ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคม 2567 จากการทำสอบพบว่า สินค้าทุกตัวอย่างที่ส่งทดสอบผ่านมาตรฐานความปลอดภัย ถือว่าเป็นข่าวดี อย่างไรก็ตามเราสามารถดำเนินการทดสอบได้เพียง 15 ตัวอย่าง และยังมีสินค้าเหล็กกล้าไร้สนิมอีกหลายประเภทที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงซึ่งยังไม่ได้ทดสอบ ดังนั้นหากยังไม่มีมาตรฐานบังคับ ผู้บริโภคก็ไม่อาจวางใจได้อย่างเต็มที่ ข้อสังเกตอีกอย่างที่พบคือ สินค้าที่เราสุ่มซื้อมานั้นยังพบปัญหาด้านฉลาก โดยสามารถพบการระบุแหล่งผลิตได้เพียง 10 ตัวอย่าง คือผลิตในไทย 3 ตัวอย่าง ระบุแหล่งผลิตจากประเทศจีน 7 ตัวอย่าง อีก 4 ตัวอย่างไม่ระบุแหล่งผลิต และไม่มีฉลากแจ้งรายละเอียด 1 ตัวอย่าง เหตุนี้ถือเป็นปัญหาสำคัญเพราะการที่สินค้าไม่มีฉลากกำกับอย่างชัดเจน ทำให้เมื่อเกิดปัญหาไม่สามารถหาแหล่งตรวจสอบย้อนกลับต้นทางได้ นี่เองถือเป็นความเสี่ยงต่อผู้บริโภค

ดร.ไพบูลย์ ช่วงทอง เครือข่ายนักวิชาการเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่าแม้ผลทดสอบหม้อสแตนเลสครั้งนี้พบว่าปลอดภัยทุกตัวอย่าง แต่ยังมีสิ่งที่น่าเป็นห่วงแฝงอยู่คือปัจจุบันสินค้าประเภทนี้ผลิตโดยใช้กระบวนการนำโลหะหนักมารีไซเคิลเป็นผลิตภัณฑ์ชิ้นใหม่ แต่ไม่เหมาะกับการนำมาใช้เป็นผลิตภัณฑ์สำหรับอาหารและขายทั่วไปในไทยและสินค้าที่นำเข้าที่ราคาถูกแต่อาจไม่มีคุณภาพได้ เพราะฉะนั้นให้ถือเป็นข้อสังเกตเรื่องนี้ว่าโลหะประเภทอะลูมิเนียมก็จะต้องมีการยกระดับมาตรฐานเพื่อเฝ้าระวังความปลอดภัยด้วย

คุณสิริลักษณ์ ชูโชติ ผู้อำนวยการกองตรวจการมาตรฐาน 3 สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กล่าวว่า สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ดำเนินงานภายใต้พระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. 2511 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยกฎหมายฉบับดังกล่าวมุ่งเน้นให้เกิดการนำมาตรฐานไปใช้เพื่อการส่งเสริมอุตสาหกรรม ควบคู่กับการออกมาตรฐานและกลไกการตรวจสอบที่จำเป็นต้องป้องกันความเสียหายอันอาจจะเกิดแก่ประชาชนหรือแก่กิจการอุตสาหกรรม หรือเศรษฐกิจของประเทศ ผ่านกลไกที่สำคัญ ได้แก่ (1) การกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (Standard) ปัจจุบันมีมาตรฐาน 144 ฉบับ ที่เป็นมาตรฐานภาคบังคับ ครอบคลุมไม่น้อยกว่า 308 ผลิตภัณฑ์ และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง (2) การตรวจสอบรับรอง (Conformity Assessment) ปัจจุบันมีใบอนุญาต 37,000 ฉบับ บังคับใช้กับผู้ผลิตทั้งในและต่างประเทศและ (3) การกำกับตลาด (Market Surveillance) ที่ สมอ. ได้มีการยึดและอายัดสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานอย่างต่อเนื่อง และจำเป็นต้องบูรณาการการแก้ไขปัญหาสินค้าที่ไม่มีคุณภาพร่วมกับหลายหน่วยงาน โดยเฉพาะ สภาองค์กรของผู้บริโภค (สภาผู้บริโภค) ที่เป็นตัวแทนภาคประชาชนในการพัฒนาความร่วมมือ การเฝ้าระวัง ทดสอบ และเผยแพร่ข้อมูลการทดสอบสินค้า สร้างกลไกการทำงานร่วมกันอย่างเข้มแข็งรวมไปถึงการพัฒนาระบบที่สามารถเกิดกลไกการขายสินค้าในประเทศให้มีคุณภาพเป็นไปตามมาตรฐานและปลอดภัยต่อผู้บริโภค สำหรับหม้อสแตนเลสอยู่ในขอบข่ายของมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมภาชนะและเครื่องใช้เหล็กกล้าไร้สนิมสำหรับอาหาร เฉพาะด้านความปลอดภัย (STAINLESS STEEL UTENSILS FOR FOOD: SAFETY REQUIREMENT) มอก. 3206-2567 ซึ่งเป็นมาตรฐานทั่วไปที่ให้ผู้ประกอบการสมัครใจจดทะเบียน แต่ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมีการวางจำหน่ายในท้องตลาดค่อนข้างมาก เมื่อใช้เป็นเวลานานอาจมีปริมาณโลหะหนักแพร่ออกมาเกินกว่ามาตรฐานกำหนด ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย สมอ.จึงเตรียมยกระดับมาตรฐานทั่วไปให้เป็นมาตรฐานบังคับ ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการเตรียมรับฟังความคิดเห็นต่อร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ภาชนะและเครื่องใช้เหล็กกล้าไร้สนิมสำหรับอาหาร มอก. 3206-2567 ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน ซึ่งครอบคลุมภาชนะและเครื่องใช้เหล็กกล้าไร้สนิมที่ใช้สัมผัสอาหารโดยตรง ได้แก่ หม้อ กระทะ จาน ชาม ถามใส่อาหาร กล่องใส่อาหาร ภาชนะใส่เครื่องดื่ม ช้อน ส้อม ตะเกียบ ตะหลิว ทัพพี กระบวย ซึ่งมาตรฐานดังกล่าวคาดว่าจะใช้บังคับ ประมาณกลางปี พ.ศ. 2569 อย่างไรก็ดี สมอ. ยินดีที่จะบูรณาการร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคการศึกษา เพื่อสร้างองค์ความรู้ในผลิตภัณฑ์ที่มีกฎหมายกำหนดให้ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่จะมีการกำหนดให้ต้องเป็นไปตามกฎหมายในอนาคต และร่วมกันเป็นเครือข่ายที่สำคัญในการกำกับดูแลการจำหน่ายสินค้าจากการนำเข้ารวมถึงสินค้าที่ผลิตในประเทศ ที่ไม่มีคุณภาพและไม่เป็นไปมาตรฐาน

คุณโสภณ หนูรัตน์ หัวหน้าฝ่ายคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิผู้บริโภค สภาองค์กรของผู้บริโภค บอกว่า งานเฝ้าระวังสินค้าที่เป็นภารกิจหลักของสำนักงานสภาองค์กรของผู้บริโภคนั้น โดยการทดสอบหม้อสแตนเลสเราสนใจทดสอบ เพราะปัจจจุบัน สมอ.มีมาตรฐานออกมาใหม่คือ มอก. 3206-2567 จึงเป็นความท้าทายที่จะพิสูจน์ให้ประชาชนเห็นว่าภานะที่เขาใช้อยู่ทุกวัน ผ่านความร้อน ทำอาหารทุกๆ วันได้มาตรฐานหรือไม่ ซึ่งผลทดสอบที่ออกมาหากออกมาทั้งทางบวกและลบมีผลดีต่อผู้บริโภคทั้งสิ้น ผู้บริโภคมีข้อมูลในการเลือกซื้อสินค้าที่มีความปลอดภัยต่อสุขภาพ ส่วนสภาผู้บริโภค จะทำให้เห็นการเฝ้าระวังต่อเนื่องจากมาตรฐานใหม่อีกทางหนึ่ง จากนี้ จะนำข้อมูลจากการสำรวจเฝ้าระวังการจำหน่ายสินค้าในกลุ่มภาชนะและเครื่องใช้เหล็กกล้าไร้สนิมสำหรับอาหาร ส่งต่อไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป


ปรึกษา ร้องเรียน
สอบถามเพิ่มเติม