เครือข่ายภาค ปชช.50 กลุ่ม ร้อง ภูมิธรรม เปิดเผยข้อมูลการสอบสวนหมอ สุภัทร ต่อสาธารณะ
เขียนโดย: มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค
เขียนเมื่อ: 19-08-2025 16:37
หมวดหมู่: บริการสุขภาพ

เครือข่ายภาค ปชช.50 กลุ่ม ร้อง ภูมิธรรม เปิดเผยข้อมูลการสอบสวนหมอ สุภัทร ต่อสาธารณะ
วันนี้ อังคารที่ 19 สิงหาคม 2568 ณ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เครือข่ายภาคประชาชนในกรุงเทพฯ 50 กลุ่ม ประกอบด้วยเครือข่ายภาคประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ตัวแทนศูนย์คุ้มครองสิทธิบัตรทอง 7 โซน 50 เขต กทม. (กรุงเทพเหนือ กรุงเทพใต้ กรุงเทพกลาง กรุงเทพตะวันออก ธนบุรีเหนือ ธนบุรีใต้) ,กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ และเครือข่ายผู้ป่วยเรื้อรัง นำโดย นายนิมิตร์ เทียนอุดม นายอภิวัฒน์ กวางแก้ว และนายธนพลธ์ ดอกแก้ว นายกสมาคมเพื่อนโรคไตแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยเครือข่าย รวมกลุ่มเข้ายื่นหนังสือเรียกร้องให้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะรักษาการนายกฯ และนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ‘คืนความเป็นธรรม-คุณธรรม กรณี นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ’
การยื่นหนังสือ ‘คืนความเป็นธรรม-คุณธรรม กรณี นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ’ ในครั้งนี้ เป็นความต่อเนื่องจากวันที่ 18 ส.ค. 2568 ภายหลังหน่วยงานภาคประชาสังคมทั้งหมดดังกล่าวได้รวมตัวกันแถลงจุดยืนพร้อมยืนหยัดเคียงข้าง นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณากิจ และให้ความร่วมมือต่อคณะกรรมการสอบสวนของทุกฝ่ายหากต้องการให้เข้าไปให้ข้อมูล ข้อเท็จจริง ณ หอประชุม สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน
การสอบสวนทางวินัยร้ายแรง ของกระทรวงสาธารณสุข กล่าวหาว่า นายแพทย์ สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ประธานชมรมแพทย์ชนบท และผู้อำนวยการโรงพยาบาลสะบ้าย้อยในปัจจุบัน ว่าผิดวินัยร้ายแรง และจะให้ออกจากราชการ เกิดขึ้นจากเหตุการณ์จัดซื้อชุดตรวจ ATK โควิด 19 ในปี 2564 เพื่อใช้เป็นเครื่องมือแพทย์นำบุคลากรทางการแพทย์ ในนาม "ชมรมแพทย์ชนบท" จากหลายแห่งทั่วประเทศ เข้ากรุงเทพมหานคร เพื่อทำปฎิบัติการเชิงรุก ที่เรียกว่า "หมอชนบทบุกกรุง" เร่งตรวจหาเชื้อโควิด ให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานคร...ที่ขณะนั้น ภาระงานของกระทรวงสาธารณสุขถือว่าล้มเหลว... ยากเกินรับมือ
โดยเครือข่ายภาคประชาชนในกรุงเทพฯ 50 กลุ่ม ที่รวมตัวกันมายื่นหนังสือในวันนี้ ล้วนต่างมีประสบการณ์ร่วมทำงานกับ นายแพทย์ สุภัทร เพื่อหยุดยั้งวิกฤตการระบาดของโควิด 19 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครในขณะนั้น
นายนิมิตร์ เทียนอุดม ตัวแทนเครือข่ายภาคประชาชน กล่าวว่า ภาคประชาชนต้องรวมตัวกันและออกมาขอความเป็นธรรมให้ นพ.สุภัทร ในครั้งนี้ เพราะการตั้งกรรมการสอบสวนยอมรับเป็นเรื่องปกติ แต่ที่ผ่านมา นพ.สุภัทร ระบุด้วยว่าไม่เคยได้รับการเชิญให้เข้าไปชี้แจงต่อประเด็นดังกล่าวกับกรรมการสอบสวนวินัย สธ. เลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่กลับมีมติให้ออกจากราชการ ภาคประชาชต้องการทราบข้อมูลต่อเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ และขอความเป็นธรรมให้กับแพทย์คนหนึ่งที่เข้ามาช่วยคนกรุงเทพฯ ให้พ้นวิกฤตในช่วงสถานการณ์โควิด-19
“ เรื่องนี้ถูกพิจารณาอย่างลับๆ ในห้องมาโดยตลอดแต่คนที่ถูกตรวจสอบ เขาอาจไม่มีทางสู้ เขาจะสู้ได้หากมีการเอาข้อมูล ข้อเท็จจริง ออกมาให้สาธารณะได้รับรู้และมาช่วยกันตรวจสอบ เคลื่อนไหว คือผมคิดว่าการตรวจสอบเป็นความลับได้ แต่เมื่อถึงจังหวะหนึ่งก็จะต้องมีการเปิดเผยออกมา สุดท้ายนี้ทั้งหมดเพื่อธรรมาภิบาลที่ดีในการใช้ตรวจสอบข้าราชการทุกคน”
อภิวัฒน์ กวางแก้ว อีกหนึ่งเสียงของภาคประชาชน ที่ถ่ายทอดเรื่องราวช่วงนั้นออกมาให้เห็นภาพได้ชัดเจน ตอนนั้นได้เข้าไปช่วยแพทย์ชนบทตรวจคัดกรองคนกรุงเทพฯ และพบว่าประชาชนกังวล อีกทั้งยังต้องการตรวจคัดกรองกันจำนวนนมาก ทำให้มีคนเข้ามาขอตรวจคัดกรองมากขึ้นเรื่อยๆ และเข้าคิวลงทะเบียนรอตรวจกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแพทย์ชนบทประกาศว่า เราจะต้องตรวจคัดกรองประชาชนทั้งหมด เพราะทุกคนมีความหวังที่ต้องการตรวจ ซึ่งทีมแพทย์ชนบททำงานหามรุ่งหามค่ำ บนเป้าหมายเดียวคือช่วยประชาชนที่อยู่ตรงหน้า ที่กำลังกังวล และให้ทุกคนเข้าถึงการตรวจอย่างเท่าเทียม
อภิวัฒน์ บอกว่าในตอนที่เขาในฐานะภาคประชาชนมาช่วยทีมแพทย์ชนบทในการคัดกรองคนกรุงเทพฯ ครั้งนั้นมีคำถามว่า ทำไมแพทย์ชนบทต้องเข้ามาช่วยคนกรุงเทพฯ มันใช่หน้าที่หรือ? แต่คำตอบของทีมแพทย์ชนบทชัดเจน เพราะเหมือนกับไฟกำลังไหม้บ้านเพื่อน บ้านเพื่อนที่เรียกว่ากรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่เพื่อนบ้าน หรือก็คือแพทย์ชนบทต้องเข้ามาช่วยดับไฟ เพราะไม่เช่นนั้น ไฟไหม้ก็จะลุกลามมายังบ้านของตัวเอง
"ผมว่าภาพที่คนกรุงเทพฯ จำได้เมื่อ 4 ปีก่อน ก็ยังคงอยู่กับคนกรุงเทพฯ ที่เรารับรู้ถึงความลำบากของคนทำงาน ที่มาตรวจคัดกรองโควิด-19 ให้ หมอต้องใส่ชุด PPV ท่ามกลางประชาชนหลายพันคน และทำหน้าที่อย่างแข็งขัน และแยกพวกเราออกจากกลุ่มติดเชื้อกันได้ คนที่ติดเชื้อก็เข้าสู่ระบบการรักษา คนที่ยังไม่ติดเชื้อก็ได้รู้ตัวว่าต้องเฝ้าระวัง" อภิวัฒน์ กล่าวย้ำ
การยื่นหนังสือครั้งนี้ต้องการให้กระบวนการตรวจสอบการดำเนินการของแพทย์ชนบทที่ต้องเป็นธรรม และต้องตรวจสอบทุกหน่วยทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ไม่มีการถูกเลือกปฏิบัติ เพราะครั้งนั้น แพทย์ชนบทก็มาช่วยกันจัดซื้อชุดตรวจ ATK และระดมแรงกันเข้ามาช่วยคนกรุงเทพฯ ซึ่งภาคประชาชนต้องการให้ทุกภาคส่วนได้เห็นข้อเท็จจริง และผู้ทีเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ต้องเอาข้อมูลทุกอย่างเผยแพร่ต่อสาธารณะ
"เรา (ภาคประชาชน) ไม่อาจรู้ได้ว่าการดำเนินการสอบสวนหมอสุภัทรเป็นการกลั่นแกล้งกันหรือไม่ แต่สิ่งสำคัญคือข้อมูลข้อเท็จจริงจากการสอบสวน และข้อมูลทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับการสอบสวน ต้องถูกนำมาขึ้นโต๊ะและให้ทุกฝ่ายได้เห็นข้อเท็จจริงกัน ซึ่งตรงนี้สำคัญอย่างมาก เพราะประชาชนก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าความจริงคืออะไร ซึ่งเป็นเรื่องที่คนกรุงเทพฯ กำลังตั้งคำถามกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้ง สธ. และรัฐบาล ต้องตอบเรื่องนี้ อย่าเพียงแต่อ้างว่าเป็นความลับ" นายอภิวัฒน์ กล่าวย้ำ
ด้าน นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ผู้ออกมารับมอบหนังสือ กล่าวว่า ประเด็น นพ.สุภัทร ในวันนี้จะยื่นหนังสือดังกล่าวให้กับเลขานุการ รมว.สาธารณสุขทันที เพื่อจะนำหนังสือของภาคประชาชนไปมอบให้ รมว.สาธารณสุข ก่อนเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ส่วนกระบวนการตรวจสอบร้องเรียนก็มีกระบวนการตามระบบอยู่ และในฐานะตัวแทนของรัฐบาลก็จะส่งเรื่องไปยังผู้เกี่ยวข้องโดยด่วน และคงจะมีมาตรการอื่นๆ ตามมาจากผู้เกี่ยวข้อง โดยความเห็นส่วนตัว นายสมคิดกล่าวว่า
“ผมคิดว่าการเปิดเผยข้อมูลต่างๆ ของการสอบสวนก็ไม่ควรปิดบัง ควรเปิดเผยต่อสาธารณะ และควรทำให้เป็นเรื่องปกติที่ต้องสร้างความกระจ่างให้กับสังคม”
ในหนังสือเรียกร้องจากเครือข่ายภาคประชาชน ‘รัฐบาลต้องคืนความเป็นธรรม-คุณธรรม กรณี นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ’ ยืนยันข้อเรียกร้อง 2 ข้อ คือ
1.ให้คณะกรรมการเปิดเผยข้อมูลและหลักฐานการสอบสวนที่ให้ออกจากราชการว่าทำอะไรผิด ได้พิจารณาข้อมูล หลักฐาน ระเบียบสถานการณ์ขณะนั้นอย่างครบถ้วนหรือไม่ อย่างไร โดยเฉพาะแนวทางปฏิบัติในการจัดซื้อ จัดจ้าง พัสดุสำหรับการป้องกัน ควบคุม หรือรักษาโรคโควิด 19
2.ขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขให้ความเป็นธรรมกับ นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ