ผลทดสอบ ผ้าอ้อมสำเร็จรูปสำหรับผู้ใหญ่ พบคุณภาพการซึมซับตรงปกเพียง 1 จากทั้งหมด 15 ตัวอย่าง
เขียนโดย: มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค
เขียนเมื่อ: 10-03-2025 13:56
หมวดหมู่: อาหาร ยา และผลิตภัณฑ์สุขภาพ

นิตยสารฉลาดซื้อ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคเผยผลทดสอบ ผ้าอ้อมสำเร็จรูปสำหรับผู้ใหญ่ พบคุณภาพการซึมซับตรงปกเพียง 1 จากทั้งหมด 15 ตัวอย่าง เร่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังคุณภาพ เหตุเป็นเครื่องมือทางการแพทย์ ประชาชนอาจจ่ายแพงแบบเสียเปล่า
วันนี้ (10 มีนาคม 2568) นางสาวทัศนีย์ แน่นอุดร รองผู้อำนวยการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค และบรรณาธิการนิตยสารฉลาดซื้อ กล่าวว่า ข้อมูลจากกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 2567 บอกว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีจำนวนผู้สูงอายุ 13,450,391 หรือร้อยละ 20.70 สถานการณ์ดังกล่าวทำให้ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ที่ช่วยอำนวยสะดวกในการใช้ชีวิตให้ผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้น ผ้าอ้อมสำเร็จรูปสำหรับผู้ใหญ่เป็นสินค้าอีกประเภทที่มีความสำคัญ จำเป็น ไม่เพียงแต่ในกลุ่มผู้สูงอายุที่ความสามารถในการประกอบกิจวัตรด้วยตนเองลดลง แต่ยังสำคัญต่อผู้ป่วยหนัก ผู้ป่วยติดเตียง
นิตยสารฉลาดซื้อ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค จึงดำเนินการทดสอบเปรียบเทียบผ้าอ้อมสำเร็จรูปสำหรับผู้ใหญ่เพื่อเป็นการเฝ้าระวังและยกระดับคุณภาพของสินค้า ตามโครงการสร้างเสริมความเข้มแข็งระบบเฝ้าระวังสินค้าและบริการเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก สสส.
การทดสอบดำเนินการใน 3 ด้าน คือ ความสามารถในการซึมซับ ความทนทานต่อการรั่วซึมและการป้องกันการไหลย้อน โดยสุ่มทดสอบผ้าอ้อมสำเร็จรูปสำหรับผู้ใหญ่ จำนวน 11 ยี่ห้อ ประกอบด้วยแบบกางเกง 11 รุ่น คือ พูลลิท, ฮาร์โมนีย์ อีซี่แพนท์ Harmony Easy Pants, ยูนิแคร์ UniQare, ฟีลฟรี Feelfree, ด็อกเตอร์ คลีน, And love, ไลฟ์รี่, แซนนิซอฟท์ Sanisoft Super Absorbed Pants, Certainty เซอร์เทนตี้ โกลด์แพ้นส์, Sensi เซ็นซี่ GoPants, Acty แอคตี้ และแบบเทปกาว 4 รุ่น Certainty เซอร์เทนตี้, ฟีลฟรี Feelfree, แซนนิซอฟท์ Sanisoft, ไลฟ์รี่ โดยซื้อจากทั้งร้านค้าทั่วไป ซูเปอร์มาร์เก็ต และร้านออนไลน์ รวมทั้งสิ้น 15 รุ่น
ผลการทดสอบพบว่าผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ ระบุความสามารถในการซึมซับสูงกว่าปริมาตรที่ทดสอบได้จริง มีเพียงยี่ห้อเดียว คือ And Love ที่ระบุปริมาตรการซึมซับที่ 4 แก้ว ตรงตามที่ตรวจวัดได้ 400 มิลลิลิตร รุ่นที่เหลือทำได้ระหว่างร้อยละ 22 ถึง ร้อยละ 70 ของที่ระบุบนฉลากเท่านั้น ผ้าอ้อมสำเร็จรูปสำหรับผู้ใหญ่ที่สุ่มทดสอบมีราคาเฉลี่ยต่อชิ้นตั้งแต่ 10.6 – 46 บาท ยี่ห้อที่มีราคาเฉลี่ยต่อชิ้นสูงสุด 3 ลำดับแรกคือ 1.Acty แอคตี้ ราคา 46 บาท 2.ไลฟ์รี่ ราคา 40 บาท 3.Certainty เซอร์เทนตี้ โกลด์แพ้นส์ ราคา 34 บาท
ราคาหรือชื่อเสียงไม่ได้รับรองคุณภาพเสมอไป เราพบว่าหลายตัวอย่างที่มีราคาเฉลี่ยถูกกว่า มีประสิทธิภาพในการซึมซับและความทนทานต่อการรั่วซึมมากกว่าตัวอย่างที่มีราคาสูง
ผ้าอ้อมสำเร็จรูปสำหรับผู้ใหญ่ไม่เพียงเป็นสินค้าที่ประชาชนซื้อหาได้ทั่วไป แต่ยังเป็นสินค้าที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) อนุมัติให้เป็นสิทธิประโยชน์สำหรับประชาชนที่เข้าเกณฑ์เงื่อนไข ตั้งแต่วันที่ 2 พ.ค.2565 โดยใช้งบกองทุนหลักประกันสุขภาพระดับท้องถิ่น (กปท.) ในการจัดซื้อ
นายนิมิตร์ เทียนอุดม กรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า การทดสอบคุณภาพของผ้าอ้อมสำเร็จรูปสำหรับผู้ใหญ่ มีความสำคัญอย่างมาก ทำให้ได้ข้อมูลในการเปรียบเทียบเมื่อจะเลือกซื้อสินค้า รวมถึงหน่วยงานที่อำนาจหน้าที่ในการพิจารณาการจัดซื้อ จัดจ้างจะได้พิจารณาเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ผ้าอ้อมสำเร็จรูปสำหรับผู้ใหญ่ยังเป็นเครื่องมือแพทย์ตามพระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์อีกด้วย “ผมคิดว่าประชาชนทั่วไปที่ซื้อผ้าอ้อมผู้ใหญ่มาใช้จะต้องได้ใช้สินค้าได้คุณภาพตามที่โฆษณานะครับ เพราะผ้าอ้อมจัดว่าเป็นสินค้าที่มีราคาสูง ผู้ใช้มีความจำเป็นต้องซื้อหามาใช้ในระยะเวลายาวนานในระยะหนึ่งและอาจจะตลอดไป ถ้าผ้าอ้อมผู้ใหญ่ที่ไม่ซึมซับ ซับได้ไม่ดี จะทำให้มีปัญหาตามมาคือ เฉอะแฉะ เป็นแผล เพิ่มความเสี่ยงต่อผู้ป่วยติดเตียงให้เป็นแผลกดทับได้ ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ สามารถซึมซับน้ำได้ดี ไม่ทำให้ผู้ใช้รู้สึกเหนอะหนะ ไม่สบายตัว หากโฆษณาไว้แบบนั้น ควรต้องเป็นแบบนั้น เพราะคนที่ไม่เคยใช้ พอมาใช้แล้วได้รับประสบการณ์ที่ไม่ดี ยิ่งทำให้ไม่อยากใช้ ก็จะนำไปสู่ปัญหาต่อไป นี่คือความสำคัญและเป็นเรื่องน่ายินดีที่มีการทดสอบแล้ว ทำให้ประชาชนมีข้อมูลเป็นแนวทางการในพิจารณาเลือกซื้อได้ ผมจึงอยากให้ทุกฝ่ายช่วยกันเผยแพร่ผลทดสอบนี้ออกไปให้ได้มากที่สุดครับ ”
นิมิตร์ ยังกล่าวต่อว่า ด้วยบทบาทการเป็นกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติและ ผ้าอ้อมสำเร็จรูปสำหรับผู้ใหญ่เป็นสิทธิประโยชน์ ให้ประชาชนที่เข้าเกณฑ์กำหนดตามเงื่อนไข การมีข้อมูลให้สังคมได้ตระหนักถึงการพิจารณาใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูปสำหรับผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน จะส่งผลให้ไม่มีการเพิ่มงบประมาณตามมา เพราะเมื่อมีประสิทธิภาพมากขึ้นจะช่วยให้ผู้ใช้ลดปริมาณการใช้ต่อวันลงได้ จึงเป็นประโยชน์ทั้งต่อประชาชนผู้ใช้สินค้าการใช้งบประมาณของหน่วยงานรัฐอย่างคุ้มค่า และลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม