มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค
ให้คำปรึกษาผ่านโทรศัพท์ 02 248 3737
ให้คำปรึกษาผ่านโทรศัพท์
Consumer Thai Facebook page

< กลับไปหน้ารวมข่าว

ผู้เสียหายจากรถยนต์ BYD กว่า 50 ราย ยื่นข้อเสนอเรียกร้องให้ บ. ซื้อคืน

เขียนโดย: มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค

เขียนเมื่อ: 25-07-2024 18:55

หมวดหมู่: สินค้าและบริการทั่วไป

ภาพประกอบข่าว

ผู้เสียหายจากรถยนต์ BYD กว่า 50 ราย ยื่นข้อเสนอเรียกร้องให้ บ. ซื้อคืน

จากดาวรุ่ง ส่อเป็นดาวร่วง จาก‘แค่คุณคนเดียวที่มีปัญหา’ สู่พวกเราจะเลิกใช้รถ BYD ในวันนี้

วันนี้ ( 25 ก.ค.67 ) ผู้เสียหายที่ซื้อรถยนต์ไฟฟ้า BYD รุ่น Atto 3 และ Dolphin Standard ได้รวมพลมาที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคกว่า 50 ราย เพื่อขอความช่วยเหลือ เหตุไม่ได้รับความไม่เป็นธรรมและเสียหายจากการซื้อและใช้บริการรถรุ่นดังกล่าว รถยนต์ไฟฟ้า BYD ขายสินค้าแบบให้ข้อมูลเท็จ, ปฏิเสธรับผิดชอบกับความเสียหาย ที่สำคัญคือการลดราคารถลงอย่างต่อเนื่องเพื่อโปรโมทการขายทำให้ ด้อยมูลค่าของผู้ซื้อรถก่อนหน้านี้ หลังความพยายามเรียกร้องต่อบริษัทด้วยตนเองไม่เป็นผล บริษัทไม่สื่อสาร ไม่ตอบโต้ ปัดความรับผิดชอบ ทั้งหมดจึงมารวมตัวกันร้องเรียนขอความช่วยเหลือต่อมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค

บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ นำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า BYD ได้เปิดตัวขายรถยนต์ไฟฟ้า รุ่น BYD ATTO 3 รุ่น Standard Range ในประเทศไทยตั้งแต่ช่วงเดือน พ.ย. ปี 2565 เป็นครั้งแรก และต่อมาจนถึงปัจจุบัน บริษัทยังมีนโยบายปรับลดราคาขายลงอย่างต่อเนื่องถึง 3 ครั้งคือ ครั้งที่ 1 ปรับลดราคาเหลือ 1,099,900 บาท ลดลง 100,000 บาท (เดือนพฤศจิกายน 2566) ครั้งที่ 2 ปรับลดราคาเหลือ 949,900 บาท ลดลง 150,000 บาท (เดือนมีนาคม 2567) ครั้งที่ 3 ปรับลดราคาเหลือ 859,900 บาท ลดลง 90,000 บาท (วันที่ 2 กรกฎาคม 2567) จนถึงการโฆษณาในครั้งล่าสุดให้ประชาชนเข้าซื้อด้วยส่วนลดสูงสุดมีมูลค่ากว่า 340,000 บาท ซึ่งลดราคาลงนี้ทำให้ผู้เสียหายที่ซื้อรถยนต์รุ่นดังกล่าวไปก่อนการปรับลดราคาของบริษัทฯ ได้รับผลกระทบอย่างมาก

“การลดราคาสินค้านี้ ทำให้เกิดปัญหากับการพิจารณาการทำประกันภัยชั้น 1 ที่เกี่ยวข้องกับทุนประกันรถยนต์ และราคาเบี้ยประกันภัยในทันที โดยรถยนต์ที่ลูกค้ากลุ่มแรกได้ทำการซื้อขายกับบริษัทฯ นั้น จะมีทุนประกันประมาณ 1,150,000 บาท และหากทำการต่อประกันในปีถัดไป ทุนประกันภัยรถยนต์จะลดลงมากเพื่อให้สอดคล้องกับราคารถยนต์ใหม่ในปัจจุบัน ซึ่งมีเจ้าของรถรุ่นนี้ที่ซื้อในราคาเต็มเมื่อรอบปี 2566 ได้รับผลกระทบแล้ว คือ ทุนประกันลดลง แต่ค่าเบี้ยเพิ่มขึ้น ทำให้เบี้ยประกันเมื่อเทียบกับทุนประกันมีราคาสูงมากเกินจากราคาอะไหล่ที่ไม่ได้ลดราคาตาม อันส่งผลกระทบโดยตรงกับผู้บริโภค ” เสียงจากผู้ร้องเรียนรายหนึ่งกล่าวต่อมูลนิธิฯ

นอกจากเรื่องการลดราคาแล้ว ผู้ร้องเรียนที่เข้าร้องเรียนในครั้งนี้ยังประสบปัญหาจากการใช้รถและไม่ได้รับความรับผิดชอบดูแลจากบริษัทในหลายลักษณะ เช่น ฝาครอบแบตเตอรี่รถยนต์ BYD รุ่น Atto 3 และ Dolphin Standard ทำจากพลาสติกไฟเบอร์โดนหนูกัดเสียหาย ทำให้ต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ที่มีราคาสูงกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ของมูลค่ารถยนต์ การซ่อมบำรุง ถูกบีบบังคับให้สูงด้วยการทำประกัน จนขณะนี้หลายบริษัทประกัน ทยอยถอนตัวจากการเข้าประกันภัยรถยนต์รุ่นดังกล่าวแล้ว

โดยก่อนการนำรวมตัวกันของผู้เสียหายกว่า 55 รายในวันนี้ ผู้ร้องเรียนทั้งหมดได้พยายามติดต่อ ขอความช่วยเหลือกับบริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟแต่กลับได้รับการปฏิเสธ บ่ายเบี่ยง ทำให้ต้องขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

กันตพงศ์ สมชนะ หนึ่งในผู้เสียหายจากการซื้อรถยนต์รุ่นดังกล่าว กล่าวว่า “ แค่เรื่องการลดราคาลงอย่างเดียว ผมไม่ได้ซื้อรถมาแล้วใช้อย่างเดียว แต่ร่วมกับเพื่อนทำธุรกิจซื้อรถมาแล้วขายออกไปด้วย การลดราคาลงอย่างนี้ มันทำให้รถมันหาราคาในตลาดไม่ได้ รถมันขายไปต่อไม่ได้ เราผ่อนต่อเราก็ไม่เป็นธรรม รถที่ออกมารุ่นใหม่ๆ ยังถูกกว่าเราอีก จะใช้ต่อก็มีข้อจำกัดเรื่องต่างๆ อีก ทั้งจุดชาร์ทไฟ เรื่องอะไหล่ที่ต้องใช้กับบริษัทเท่านั้น ส่วนถ้าจะขายต่อ ตลาดมือสองก็ไม่รับ ผมคิดว่ามันมีปัญหามากๆ”

ธนัช ธรรมิสกุล หัวหน้าศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภค มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค และหัวหน้าหน่วยงานประจำจังหวัดกรุงเทพมหานคร สภาองค์กรของผู้บริโภค กล่าวว่า ต่อจากนี้เราจะรวบรวม ความเสียหายของผู้ร้องเรียนและจะประสานกับบริษัท เพื่อให้เยียวยาให้ผู้เสียหายต่อไป วันนี้ข้อเรียกร้องของผู้ร้องเรียนตกลงร่วมกันมีข้อเสนอคือ หนึ่ง ให้บริษัทรับซื้อรถรุ่นดังกล่าวคืน สอง เยียวยาส่วนต่างตามที่ผู้ซื้อรถควรได้รับ คือ รุ่น ATTO 3 ในราคา 400,000 บาท และ รุ่น Dolphin ในราคา 220,000 บาท มูลนิธิฯ เราเคยมีประสบการณ์การสู้เพื่อพิทักษ์สิทธิของผู้บริโภค ยื่นฟ้องคดีผู้บริโภคกับบริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัดมาแล้ว และอยากให้ผู้ใช้รถรุ่นดังกล่าวหากประสบปัญหา ไม่อยากให้นิ่งนอนใจมูลนิธิจะเปิดรับเรื่องร้องเรียนในกลุ่มรถรุ่นดังกล่าวจนถึงวันที่ 31 ก.ค. นี้ เพื่อรวบรวมความเสียหายและจะดำเนินการในขั้นตอนต่อไปได้ โดยสามารถร้องเรียนมาได้ที่ อีเมล complaint@consumerthai.org

หัวหน้าศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภคฯ ยังกล่าวเสริมว่า โดยก่อนหน้านี้มูลนิธิได้รับสัญญาณถึงปัญหาจากการใช้รถของบริษัทดังกล่าวจากที่มีผู้เข้ามาร้องเรียนกับมูลนิธิฯ เป็นรายๆ มาอย่างต่อเนื่อง ทำให้มูลนิธิฯ นัดหมายเจรจาไกล่เกลี่ยกับทางบริษัทฯ แต่ฝ่ายบริษัทขอเลื่อนไม่มาเข้าร่วมการเจรจาในครั้งนี้ “การพูดคุยกับผู้ร้องเรียนในวันนี้มีหลายเรื่องที่น่าสนใจและมูลนิธิฯ เราเห็นว่าเป็นโจทย์สำคัญในการทำงานต่อไป อย่างแรกผมเห็นว่า การตั้งราคาค่อนข้างน่าสงสัย ว่าราคาที่แท้จริงควรเป็นเท่าไหร่เพราะบริษัทสามารถลดราคาลงได้อย่างต่อเนื่อง และสิ่งที่อยากฝากคือมาตรการการสนับสนุนจากภาครัฐ ผู้ซื้อรถในวันนี้รีบตัดสินใจ เพราะส่วนหนึ่ง ที่สำคัญคือรัฐเข้าไปสนับสนุนด้วย ทำให้ราคาลดลง แต่หากภาครัฐต้องการสนับสนุนให้ประชาชนใช้รถยนต์ไฟฟ้า ก็จะต้องมีการกำกับดูแลบริษัทที่โปร่งใส และเป็นธรรมต่อผู้ซื้อรถยนต์ไปใช้ก่อนหน้านี้แล้ว ไม่ใช่การโฆษณาให้ประชาชนแห่ไปซื้อแต่ขาดความรับผิดชอบ วันนี้มีผู้ร้องบอกกับเราเลยว่า การที่บริษัทลดราคาลง และยังมีมาตรการจากรัฐเข้ามาจูงใจแบบนี้ ในมุมของผู้ซื้อรถก่อนหน้านี้ มันทำให้เขาเสียหายแต่ถ้าการตั้งราคามันไม่จริง มันสูงเกินไปมากๆ แล้วรัฐเข้าไปสนับสนุนแบบนี้คือประเทศชาติเสียหายครับ”


ปรึกษา ร้องเรียน
สอบถามเพิ่มเติม