ผู้บริโภคฟ้องแพ่งร้านอาหาร เหตุมีอาการแพ้อาหารเจียนตาย
เขียนโดย: มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค
เขียนเมื่อ: 23-06-2025 20:34
หมวดหมู่: อาหาร ยา และผลิตภัณฑ์สุขภาพ

ผู้บริโภคฟ้องแพ่งร้านอาหาร เหตุมีอาการแพ้อาหารเจียนตาย
ถ้าคุณไปกินอาหารในร้านซึ่งเชื่อถือในความอร่อยและสะอาดปลอดภัย แต่พออาหารเข้าปากไม่ถึงครึ่งชั่วโมงกลับมีอาการปวดท้องบิดอย่างแรง ท้องเสีย เวียนหัว พะอืดพะอม ไม่ได้การละ จึงบอกสามีให้รีบขับรถกลับบ้านที่กรุงเทพฯ ช่วงเวลาเกือบ 2 ชั่วโมงที่เดินทางออกจากร้านอาหารที่จังหวัดสมุทรสงคราม มันช่างทรมานสุดจะทานทน
เมื่อกลับถึงบ้านอาการยิ่งรุนแรง อาเจียนเกือบ 10 รอบ ท้องเสียอย่างแรง จึงกินยาแก้แพ้และเกลือแร่ ประทังไปก่อน เพราะดึกมากแล้ว ต้องรอไปหาหมอในวันรุ่งขึ้น ทว่าในช่วงกลางดึกอาการยิ่งแย่ลง จึงต้องกินยาแก้แพ้เพิ่มอีก แต่ที่ทำเอาตกใจสุดขีดเมื่อส่องกระจกเห็นเปลือกตาบวมปิดลงมา มีอาการผื่นขึ้นคันไปหมดทั้งตัว จึงปักใจเชื่อว่า แพ้อาหารจากร้านแห่งนั้นแน่นอน
พอตอนเช้าสามีได้พาไปโรงพยาบาล แพทย์ที่รักษาลงความเห็นว่าอาการทั้งหมดเกิดจากแพ้อาหาร เบื้องต้นได้ฉีดยาแก้แพ้ แต่จากอาการแน่นหน้าอกรุนแรง มีผื่นแดงขึ้นที่ใบหน้า คันทั้งตัวมี แพทย์ให้นอนพักที่โรงพยาบาล 1 คืน เพื่อรอดูอาการ แต่เนื่องจากกิจสำคัญจึงขอไปรักษาตัวที่บ้าน
เมื่อแน่ใจว่าอาการแพ้รุนแรงเกิดจากอาหารของร้านแแห่งนั้น เพราะกินปูนึ่งไป 1 ตัวซึ่งเป็นอาหารชนิดเดียวที่กินคนเดียว เพราะสามีกับลูกสาวไม่ชอบ โดยวันที่เกิดเหตุคือช่วงค่ำ 10 กุมภาพันธ์ 2567
ถึงแม้รักษาอาการอยู่หลายวันก็ยังไม่ดีขึ้น จึงแจ้งเรื่องไปทางแอดมินเพจของทางร้านโดยเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นและขอให้เจ้าของร้านโทรศัพท์มาพูดคุยเพื่อเจรจาค่าเสียหาย เพราะทางเราใบรับรองแพทย์ยืนยัน แต่รอเป็นวัน และอีกหลายวันเจ้าของร้านก็ยังไม่ติดต่อกลับมา จนเราทนไม่ไหวต้องติดต่อไปที่ร้าน ถึงได้พูดคุยกับเจ้าของร้าน เพื่อตกลงเรื่องค่ารักษาตัวและต้องหยุดงานไปถึง3วัน รวมถึงค่าทำขวัญ เจ้าของร้าน บอกว่า ขอเวลา3วัน เพื่อตรวจสอบเรื่องอาหารจากสาธารณสุข และปรึกษาทนาย 3 วัน แล้วจะให้คำตอบ
จนเวลาผ่านมา 3 วัน ทางฝ่ายร้านอาหารกลับส่งข้อความมาแจ้งว่า
-
ขอยืนยันคุณไม่ได้แพ้อาหารจากร้านนี้แน่นอน เพราะเมนูทุกอย่างปรุงสุก
-
ให้คุณไปตรวจร่างกาย เพื่อหาอาการแพ้อื่น ๆ ...อันนี้ด้วยความเป็นห่วงจากทางร้าน
-
ทางร้านจะจ่ายให้เฉพาะค่าหมอที่คุณไปรักษาเท่านั้น
-
ทางร้านไม่ยินยอมจ่ายค่าชดเชย
เบื้องต้น 14 มีนาคม 2567 ทางฝ่ายพิทักษ์สิทธิ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ได้ทำหนังสือไกล่เกลี่ยไปถึงร้านอาหารเพื่อนัดหมาย 2 เมษายน มาเจรจากับผู้เสียหาย เมื่อถึงวันนัดคู่กรณี ได้เดินทางมาที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ทางผู้เสียหายต้องการให้เยียวยาส่วนทางร้านอาหาร ต้องการหลักฐาน TEST ภูมิแพ้ จากโรงพยาบาล เพื่อต้องการสาเหตุที่แท้จริง เมื่อได้ผลที่ชัดเจนค่อยมาเจรจากันอีกครั้ง
ผ่านมา 2 วัน ผล TEST ภูมิแพ้ จากโรงพยาบาล ยืนยัน ว่าผู้เสียหาย มีอาการภูมิแพ้จาก "ปู" นี่เองได้ทำให้ทางร้านอาหารขอยุติการไกล่เกลี่ยอีกต่อไป โดยอ้างว่า หลักฐานชัดเจนอยู่แล้วจากใบรับรองแพทย์ ดังนั้น จึงไม่มีประเด็นที่จะต้องมาไกล่เกลี่ย และ ขอปฎิเสธข้อเสนอที่ทางผู้เสียหายเรียกร้องมาทั้งหมด เพราะได้จ่ายค่า TESTภูมิแพ้ รวมถึง ค่ารักษาพยาบาลครั้งแรก จำนวน 2,060 บาท อย่างไรก็ตาม ทางร้านขอมอบบัตร VIP และ บัตรส่วนลด เพื่อปลอบขวัญ
ทางฝั่งผู้เสียหาย ประกาศไม่รับบัตร VIP และ บัตรส่วนลด ในเมื่อทางร้านอาหารยุติการไกล่เกลี่ย จึงประกาศ ฟ้องร้องทางแพ่งโดยยืนยันว่า แพ้ "ปู" ที่ปรุงไม่สะอาดจากร้านอาหารแห่งนี้แน่นอน เพราะถ้าหากตัวเองแพ้ปูจริงๆ ทำไมก่อนหน้าที่มากินปูร้านนี้ทุกครั้งจึงไม่เกิดอาการแพ้ล่ะ?
คำแนะนำจากมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคมีดังนี้
เพื่อป้องกันการแพ้อาหาร ผู้ผลิต หรือร้านอาหารต้องแจ้ง หรือสอบถาม ผู้บริโภคแพ้ประเภทอาหารอะไรบ้าง หรือแจ้งส่วนผสม เพื่อป้องกันการเข้าใจที่ผิด ตามสิทธิผู้บริโภคขั้นพื้นฐานที่ระบุใน พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 ว่า ผู้บริโภคมีสิทธิที่จะได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและเพียงพอเกี่ยวกับสินค้าและบริการเพื่อนำมาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจเลือกซื้อหรือเลือกบริโภค
หากผู้ประกอบการไม่แจ้งข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วน จนทำให้ผู้เข้าใจผิดและหลงเชื่อ จะเข้าข่ายความผิดตามกฎหมายซึ่งลูกค้าสามารถร้องเรียนได้ อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคที่มีอาการแพ้อาหาร ต้องไม่ลืมสอบถามและต้องเน้นย้ำกับร้านอาหารถึงอาการแพ้ทุกครั้ง เพื่อป้องกันตัวเองในเบื้องต้น เพื่อให้ร้านจัดเตรียมอาหารได้อย่างถูกต้อง
ผู้ประกอบการอาจมีความผิดตาม พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ. 2522 มาตรา 25 (2) และมาตรา 27 ต้องโทษตามมาตรา 59 จำคุกตั้งแต่ 6 เดือน – 10 ปี และปรับตั้งแต่ 5,000 – 100,000 บาท รวมถึงใน พ.ร.บ.ความรับผิดต่อความเสียหาย ที่เกิดขึ้นจากสินค้าที่ไม่ปลอดภัย พ.ศ. 2551 มาตรา 10 และ มาตรา 12 ยังให้สิทธิ์ผู้บริโภคเรียกค่าเสียหายได้ ไม่ว่าจะเป็นความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย สุขภาพอนามัย โดยมีผลตรวจของสารที่สะสมอยู่ในร่างกายของผู้เสียหายหรือเป็นกรณีที่ต้องใช้เวลาในการแสดงอาการ ผู้เสียหายต้องใช้สิทธิเรียกร้องภายใน 3 ปี นับตั้งแต่วันที่พบความเสียหาย
หากผู้บริโภคได้รับความเสียหายจากการบริโภคอาหาร ไม่ว่าจะเป็นสินค้าระบุส่วนผสมไม่ครบถ้วน พบสิ่งแปลกปลอมในอาหาร หรือได้รับความเสียหายจากอาหารที่บริโภคเข้าไป แนะนำให้ผู้บริโภครวบรวมหลักฐาน รูปถ่ายและเก็บตัวอย่างสินค้าไว้เป็นหลักฐาน หากมีใบเสร็จจากร้านค้าให้เก็บไว้เป็นหลักฐาน และหากได้รับความเสียหายจากการบริโภคควรพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายและขอใบรับรองแพทย์ พร้อมเก็บใบเสร็จรับเงินค่ารักษาพยาบาลไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นนำหลักฐานทั้งหมดแจ้งความที่สถานีตำรวจในในพื้นที่ แบบลงบันทึกประจำวัน เป็นต้น
ผู้บริโภคสามารถร้องเรียนไปที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ที่เบอร์ 1556 สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ที่เบอร์ 1166 หรือ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค โทรศัพท์ 02-248-3737 อีเมล์ complaint@consumerthai.org
-
ฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ • มาตรา 420 ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อทำให้ผู้อื่นเสียหาย ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน • มาตรา 438 ค่าสินไหมทดแทน อาจรวมถึงค่ารักษาพยาบาล ค่าขาดประโยชน์ ค่าเสียหายทางจิตใจ ฯลฯ
-
ใช้ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 • ผู้บริโภคมีสิทธิได้รับความปลอดภัยในการบริโภค (มาตรา 4) • หากผู้ประกอบการไม่แจ้งข้อมูลที่จำเป็น อาจเข้าข่าย หลอกลวง/ปกปิดความจริง (มาตรา 22, 47)
แนวทางการดำเนินการ หรือ ฟ้องคดี
1.รวบรวมหลักฐาน: • บิลร้านอาหาร • รูปภาพอาหาร • ใบรับรองแพทย์ว่าแพ้อย่างรุนแรง • หลักฐานว่ามีสารผิดปกติ เช่น สารฟอร์มาลิน หรืออาหารหมดอายุ
2.ยื่นฟ้องต่อศาลแพ่ง/ คดีผู้บริโภค
3.เรียกค่าเสียหาย เช่น: • ค่ารักษาพยาบาล • ค่าขาดงาน • ค่าทดแทนความเจ็บปวด/เสียโอกาส • ค่าเสียหายเชิงลงโทษ (หากร้านรู้อยู่แล้วว่าอาหารมีปัญหา) เป็นต้น